fbpx

7 แข้งสุดแพงแต่ฟอร์มไม่เอาอ่าว

7 แข้งสุดแพงแต่ฟอร์มไม่เอาอ่าว

7 แข้งสุดแพงแต่ฟอร์มไม่เอาอ่าว

“ของแพง ไม่จำเป็นต้องดีเสมอ” ดีลของ นิโคลัส เปเป้ ปีกเงินผ่อนของ อาร์เซนอล กำลังจะพิสูจน์คำกล่าวนี้อีกครั้ง หลังผลงานไม่เข้าเป้าและมีข่าวว่า อาร์เซนอล พร้อมกัดลิ้นตัวเองขายออกมาแบบขาดทุนย่อยยับ

เห็นข่าวนี้เลยอยากสืบเสาะหาข้อมูล นักเตะดังที่ย้ายมาพรีเมียร์ลีก ด้วยค่าตัวมหาศาล แต่สุดท้ายล้มเหลวและถูกปล่อยตัวราวกับไม่มีราคา มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วหรือไม่ และมีใครบ้างที่ยังคงอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลจนถึงทุกวันนี้

คัดมาแล้ว 7 รายที่เชื่อเหลือเกินว่าหากเอ่ยชื่อออกไปทุกคนจะร้อง “อ่อ” พร้อมพยักหน้าเหตุด้วยแน่ๆ ว่าแข้งเหล่านี้เล่นไม่คุ้มค่าตัวเอาซะเลย

โรแบร์โต้ โซลดาโด้

7 แข้งสุดแพงแต่ฟอร์มไม่เอาอ่าว

บาเลนเซีย >>> สเปอร์ส (2013)

ค่าตัว : 26 ล้านปอนด์

ราคา 26 ล้านปอนด์ อาจดูจิ๊บจ๊อยถ้าเทียบกับค่าตัวนักฟุตบอลยุคนี้ แต่สำหรับ สเปอร์ส ในปี 2013 มันคือสถิติค่าตัวแพงสุดของสโมสร เป็นเงินปันผลที่ใช้จ่ายได้อย่างเต็มที่หลังตัดสินใจขายปล่อย แกเร็ธ เบล ไปเรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวมหาศาล อย่างไรก็ตามผลงานในสนามถือว่าเลวร้าย มากกว่า 2 เดือนที่หัวหอก     สแปนิช ยิงประตูแบบโอเพ่นเพลย์ไม่ได้เลย และในซีซั่นแรกของเขากับยอดทีมจากลอนดอนเหนือยิงไปเพียง 6 ประตูจาก 28 เกมในพรีเมียร์ลีก ซึ่งมีถึง 4 ลูกที่มาจากการยิงจุดโทษ ฤดูกาลที่ 2 ยิ่งหนักเลยเจ้าตัวเสียตำแหน่งตัวจริงให้กับ แฮร์รี่ เคน และยิงได้เพียงประตูเดียวจาก 24 เกม สุดท้ายถูกปล่อยตัวออกไปให้ บียาร์เรอัล ด้วยค่าตัวลดกระหน่ำ 50% ขายกลับสเปน ไปแค่ 10 ล้านปอนด์เท่านั้น

ฮวน เซบาสเตียน เวรอน

7 แข้งสุดแพงแต่ฟอร์มไม่เอาอ่าว

ลาซิโอ >>> แมนฯ ยูไนเต็ด (2001)

ค่าตัว : 28.1 ล้านปอนด์

การย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นับเป็นข่าวที่สั่นสะเทือนวงการฟุตบอลผู้ดีอย่างมาก ทั้งโปรไฟล์สุดหรู รวมถึงค่าตัวที่ชั่วโมงนั้นเรียกว่าแพงใช้ได้เลย นาทีนั้นแผงมิดฟิลด์ของ “ผีแดง” ถูกยกให้ดีที่สุดในยุโรปเลยก็ว่าได้ ดาวเตะอาร์เจนไตน์ คือหนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดในเซเรีย อา ยุคนั้น ผ่านการเล่นให้กับ ซามพ์โดเรีย, ปาร์ม่า และ ลาซิโอ แต่พอเอาเข้าจริง เวรอน ดันมีปัญหาในการปรับตัวเมื่อเจอกับบอลดุดัน แม้ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะลองปรับแผนแล้ว แต่ผลที่ออกมามันแย่กว่าของเดิมเสียอีกสุดท้ายแล้วมิดฟิลด์หัวโล้น ก็พิสูจน์ตัวเองไม่ได้ ถูกปล่อยตัวให้ เชลซี ด้วยค่าตัว 15 ล้านปอนด์ ในปี 2003 ซึ่งเจ้าตัวก็ยังเผชิญหน้ากับปัญหาเดิมๆ ทั้งผลงานที่ไม่ดี ทั้งบาดเจ็บบ่อย สุดท้ายก็อยู่ในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ได้ไม่นานเหมือนกัน

อังเดร เชฟเชนโก้

7 แข้งสุดแพงแต่ฟอร์มไม่เอาอ่าว

เอซี มิลาน >>> เชลซี (2005)

ค่าตัว : 30.8 ล้านปอนด์

นับตั้งแต่ โรมัน อบราโมวิช เทคโอเวอร์ เชลซี ในปี 2003 นายทุนใหญ่ชาวรัสเซีย ทุ่มเงินอย่างมากมายเพื่อสร้างทีมให้ยิ่งใหญ่ แต่ก็ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำไปเยอะกับตำแหน่งกองหน้า อาเดรียน มูตู, มาเตย่า เคซมัน และ เฮอร์นาน เครสโป เอาชื่อมาทิ้งที่นี่กันหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งดาวยิงระดับเจ้าของบัลลง ดอร์ อย่าง อังเดร เชฟเชนโก้ ที่ประสบความสำเร็จมากมายกับ เอซี มิลาน ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในยุคของตัวเอง แต่ดีลนี้การเป็นปัญหาภายในที่ชัดเจนระหว่าง มูรินโญ่ กับ อบราโมวิช กุนซือชาวโปรตุกีส ไม่ต้องการ เชว่า โดยสื่อชี้ว่าดีลนี้เป็นเสี่ยหมีที่อยากได้มาเอง สุดท้ายทุกอย่างพิสูจน์ด้วยผลงานในสนาม หัวหอกตำนานทีมชาติยูเครน ยิงได้แค่ 9 ประตูจาก 47 เกมในพรีเมียร์ลีก เป็น 2 ปีที่เต็มไปด้วยความล้มเหลวและน่าผิดหวัง

แอนดี้ คาร์โรลล์

7 แข้งสุดแพงแต่ฟอร์มไม่เอาอ่าว

นิวคาสเซิ่ล >>>  ลิเวอร์พูล (2011)

ค่าตัว : 35 ล้านปอนด์

คำปรามาสที่ว่า “แข้งอังกฤษ มักแพงเกินจริงเสมอ” ดีลของ แอนดี้ คาร์โรลล์ น่าจะตอบโจทย์เรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี หลังเจ้าตัวย้ายจาก นิวคาสเซิ่ล มาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ด้วยการเป็นนักเตะผู้ดีที่มีค่าตัวแพงที่สุดในตอนนั้น คาร์โรลล์ ย้ายมาในวันเดียวกับ หลุยส์ ซัวเรซ เพื่อแทนที่การจากไปของ เฟรนานโด ตอร์เรส ที่โยกไปอยู่กับ เชลซี แต่ผลงานของทั้งคู่เรียกว่าต่างกันราวฟ้ากับเหว ซัวเรซ กลายเป็นตัวหลักฟอร์มมหาเทพ แต่ คาร์โรลล์ ยืนเป็นสากกะเบือเคลื่อนที่ หัวหอกร่างยักษ์ยิงได้แค่ 6 ประตูจาก 44 นัดในพรีเมียร์ลีกให้กับ “หงส์แดง” ตลอด 2 ฤดูกาล ก่อนถูกขายเลหลังไปให้ นิวคาสเซิ่ล ด้วยค่าตัว 15 ล้านปอนด์ในปี 2013 ซึ่งผลงานหลังจากนั้นก็ไม่เคยทำได้น่าประทับใจอีกเลย

เอเลียควิน ม็องกาล่า

7 แข้งสุดแพงแต่ฟอร์มไม่เอาอ่าว

ปอร์โต้ >>> แมนฯ ซิตี้ (2014)

ค่าตัว : 42 ล้านปอนด์

กองหลังฝรั่งเศส ที่ไปแจ้งเกิดกับ ปอร์โต้ ในโปรตุเกส กลายเป็นกองหลังที่ค่าตัวแพงที่สุดในพรีเมียร์ลีกหลังตกลงย้ายมาอยู่กับ แมนฯ ซิตี้ ด้วยค่าตัว 42 ล้านปอนด์ ในปี 2014 ซึ่งเป็นดีลที่ใครต่างพากันอิจฉาเพราะตอนนั้นแย่งกันอยู่หลายทีมเลยอย่างไรก็ตาม ม็องกาล่า เล่นกับ ซิตี้ ได้แค่ 2 ฤดูกาล แทนที่จะมาเสริมแกร่งให้ทีม เจ้าตัวกลับก่อความผิดพลาดกลายเป็นบ่อน้ำมันให้กับทีมคู่แข่ง ยิ่งเล่นยิ่งเสียความมั่นใจ สุดท้ายก็ไม่ได้รับความเชื่อใจจาก มานูเอล เปเญกรินี่ ในยุคของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เซนเตอร์จากแดนน้ำหอมถูกปล่อยให้ บาเลนเซีย ยืมใช้งาน เช่นเดียวกับปีต่อมาที่ทาง เอฟเวอร์ตัน ขอเช่าไปใช้บริการ และปิดฉากกับ แมนฯ ซิตี้ แบบตัดขาดหลังย้ายไปอยู่กับ “เจ้าค้างคาว” อีกครั้งแบบไร้ค่าตัวในปี 2019

เฟรนานโด ตอร์เรส

7 แข้งสุดแพงแต่ฟอร์มไม่เอาอ่าว

ลิเวอร์พูล >>> เชลซี (2011)

ค่าตัว : 50 ล้านปอนด์

“เอล นินโญ่” ค่อยๆ สร้างชื่อเสียงให้ตัวเองมาตั้งแต่สมัยเล่นในลีกบ้านเกิด เขาขึ้นมาเป็นตัวจริงและได้ปลอกแขนกัปตันทีม แอตเลติโก มาดริด ตั้งแต่อายุ 19 ปี ก่อนโด่งดังเป็นพลุแตกหลังย้ายมาระเบิดผลงานกับ ลิเวอร์พูล ในวันเดตไลน์ของตลาดหน้าหนาวปี 2011 ตอร์เรส กลายเป็นข่าวโด่งดังหลังย้ายมาอยู่กับ เชลซี ด้วยค่าตัว 50 ล้านปอนด์ซึ่งเป็นสถิติพรีเมียร์ลีก ในเวลานั้น ทว่าทุกอย่างช่างต่างราวฟ้ากับเหว ตอร์เรส เหมือนลืมฟอร์มเก่งไว้ที่แอนฟิลด์ เจ้าตัวลงเล่นไปกว่า 110 นัดในพรีเมียร์ลีก แต่ยิงได้เพียง 20 ประตู ก่อนถูกปล่อยให้ เอซี มิลาน และ แอตเลติโก มาดริด ยืมใช้งาน และย้ายออกจากทีมไปอยู่กับ “ตราหมี” แบบไร้ค่าตัว

อังเคล ดิ มาเรีย

7 แข้งสุดแพงแต่ฟอร์มไม่เอาอ่าว

เรอัล มาดริด >>> แมนฯ ยูไนเต็ด (2014)

ค่าตัว : 59.7 ล้านปอนด์

ชื่อชั้นของปีกอาร์เจนไตน์ ถือว่าเป็นแข้งระดับโลกอย่างไม่ต้องสงสัย หลังเจ้าตัวสร้างชื่อด้วยการเป็นกำลังสำคัญให้กับ เรอัล มาดริด พร้อมคว้า แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมนัดชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก ที่ชนะ แอตเลติโก มาดริด 4-1 การย้ายมาเล่นในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ถือว่าเซอร์ไพรส์แฟนบอลไม่น้อย และเจ้าตัวก็เริ่มต้นได้อย่างมีความหวังคว้าแข้งยอดเยี่ยมของสโมสรในเดือนกันยายน ด้วยการยิง 2 ประตู 2 แอสซิสต์ ทว่าสิ่งดีๆ ก็จบลงเพียงเท่านั้น ดิ มาเรีย ฟอร์มตกลงเรื่อยๆ สุดท้ายก็หลุดไปจากตัวจริงในทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล เล่นกับทีมได้ซีซั่นเดียวก็ถูกขายให้กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แบบยอมขาดทุนกว่า 15 ล้านปอนด์ จบกันแบบไม่สวยเอาเสียเลย

คอนเทนต์เพิ่มเติม :: ข่าวบอล