fbpx

ใช่จุดเปลี่ยน สิงห์บลูส์ หรือเปล่า ?

ใช่จุดเปลี่ยน สิงห์บลูส์ หรือเปล่า ?

ใช่จุดเปลี่ยน สิงห์บลูส์ หรือเปล่า ?

ผลลัพธ์ที่ยากจะคาดเดา เกมการแข่งขันที่มีพลิกล็อกให้เห็นอยู่เป็นประจำ มันเป็นเสน่ห์ เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ “ฟุตบอล” กลายเป็นกีฬายอดนิยมที่สุดในโลก เฉกเช่นเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา เกมที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ จบลงชนิดที่ทำให้แฟนบอลหลายคนรู้สึก “เซอร์ไพรส์” และกูรูหลายคนถึงกับ “เงิบ”

ใช่จุดเปลี่ยน สิงห์บลูส์ หรือเปล่า ?

จากสถิติก่อนเกมต้องบอกว่าเป็นเสียงส่วนน้อยจริงๆ ที่เชื่อว่า เชลซี จะพลิกสถานการณ์ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย หลังเกมแรกที่ ซิกนัล อิดูน่า จบลงด้วยความปราชัย 1-0 ความห่างของสกอร์ไม่ใช่โจทย์ที่ยาก แต่ด้วยผลงานของ “สิงห์บลูส์” ในช่วงหลังที่ออกทะเลไปไกล พวกเขาชนะเพียง 2 เกมนับตั้งแต่เข้าปี 2023 และยิงไม่เคยเกิน 1 เม็ดมาตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม ผลงานลุ่มๆ ดอนๆ ทำให้ เกรแฮม พ็อตเตอร์ อยู่ภายใต้สภาวะกดดัน ถูกแฟนบอลก่นด่าแทบทุกอาทิตย์ ขนาดชนะ ลีดส์ ในเกมลีกนัดล่าสุด ก็ไม่ได้เครดิตมากนัก เพราะประตูชัยมาจากลูกเตะมุม

ใช่จุดเปลี่ยน สิงห์บลูส์ หรือเปล่า ?

ที่สำคัญอาคันตุกะจากเมืองเบียร์ อย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กำลังอยู่ในช่วงมั่นใจ เล่นมา 10 นัดนับรวมทุกรายการในปีนี้ชนะรวดทุกนัด เกมรุกสุดโหดยิงไป 25 ประตู เฉลี่ยนัดละ 2.5 ลูกเลยทีเดียวอย่างไรก็ตาม เชลซี เตรียมตัวมาได้ดี 3-4-3 ที่ยึดต่อเนื่องจากวันชนะ “ยูงทอง” ดูเป็นแท็กติกที่เหมาะสมกับเกมนี้ เกมรับแน่นขึ้น เกปา ก็เซฟได้ดี ดอร์ทมุนด์ ที่ว่าห้าวๆ ยิงประตูไม่ได้เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 4 เดือน แม้ พ็อตเตอร์ จะเป็นกุนซือที่ระบบการเล่นไม่ตายตัว ตั้งแต่เข้ามาคุม เชลซี เขาเปลี่ยนแท็กติกมาแล้วมากมาย 3-4-3, 4-2-3-1, 3-5-2, 4-3-3, 3-4-2-1 และ 4-3-1-2 ยืดหยุ่นตามสถานการณ์ที่แตกต่างกัน

ใช่จุดเปลี่ยน สิงห์บลูส์ หรือเปล่า ?

แต่ถ้าใครสังเกตุสมัยที่เจ้าตัวคุม ไบรท์ตัน ระบบ 3-4-3 หรือ 3-4-2-1 เป็นแท็กติกที่เจ้าตัวชื่นชอบและใช้บ่อยที่สุดในช่วงหลัง เอาแค่ฤดูกาลนี้ 7 เกมก่อนเปลี่ยนงาน มีถึง 5 นัดที่เริ่มต้นเกมด้วยแท็กติกนี้ ช่วงแรกที่เข้ามาเป็นนายใหญ่ในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ กุนซือวัย 47 ปีก็พยายามสร้างทีมด้วยระบบนี้ 9 เกมแรกใช้ 3-4-2-1 ถึง 6 เกม แต่หายนะมาเยือนเมื่อ รีซ เจมส์ กับ เบน ชิลเวลล์ มานัดกันเดี้ยงยาว กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความ “ชิบหาย” เมื่อ พ็อตเตอร์ ลองของจับ คริสเตียน พูลิซิซ, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, รูเบน ลอฟตัส ชีค มาเล่นวิงแบ็กมั่วซั่วไปหมด สุดท้ายไปต่อไม่ไหวเลยต้องเปลี่ยนไปเล่นระบบอื่นแทน

ใช่จุดเปลี่ยน สิงห์บลูส์ หรือเปล่า ?

แต่เกมรับมือ ดอร์ทมุนด์ เป็นอะไรที่แตกต่าง เมื่ออาวุธกลับมาครบมือก็ทำให้ 3-4-3 กลับมามีประสิทธิภาพอีกครั้ง โดยเฉพาะฝั่งซ้ายวันนี้ที่ คูคูเรย่า และ ชิลเวลล์ ผสานงานลงตัว ทำผลงานได้น่าประทับใจทั้งคู่ อีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่ทำให้ “สิงห์บลูส์” ผ่านเกมนี้ไปได้ก็คือ “สปิริต” ทีมที่ยอดเยี่ยม นักเตะทุกคนวิ่งกันลืมตาย แสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะชนะอย่างมาก พอเห็นนักเตะสู้ขาดใจ เห็น พ็อตเตอร์ ลุกมากระตุ้นทีม แฟนบอลก็คึกคักส่งเสียงเชียร์กระหึ่มตลอดทั้งเกม

ใช่จุดเปลี่ยน สิงห์บลูส์ หรือเปล่า ?

ไค ฮาแวร์ตซ์ มีหนึ่งเกมที่น่าจดจำ ทำหน้าที่กองหน้าตัวเป้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ เก็บบอลดี เชื่อมเกมได้ หาโอกาสยิงได้อย่างต่อเนื่อง 5 ครั้งที่ได้ง้าวเท้ามีชนเสาไป 1 ก่อนจะมากดจุดโทษส่งชื่อขึ้นบนสกอร์บอร์ด เชลซี เก็บชัย 2 เกมติดต่อกันได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนตุลาคม แถมยิงเกิน 1 เม็ดเป็นเกมแรกนับตั้งแต่เข้าปี 2023 บรรดาตัวหลักทยอยหายเจ็บกลับทั้ง เวสลี่ย์ โฟฟาน่า, รีซ เจมส์ และ เบน ชิลเวลล์ ช่วงเวลานี้น่าจะเป็นโมเมนตัมที่ เกรแฮม พ็อตเตอร์ กำลังถวิลหา

ใช่จุดเปลี่ยน สิงห์บลูส์ หรือเปล่า ?

3 นัดถัดไปที่จะเจอกับ เลสเตอร์, เอฟเวอร์ตัน และ แอสตัน วิลล่า ดูเป็นโปรแกรมที่ดีที่จะเก็บชัยเพื่อสร้างความมั่นใจอย่างต่อเนื่องก่อนไปบู๊เกมใหญ่ที่ต้องรับมือ ลิเวอร์พูล ในช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาเวลา เชลซี เปลี่ยนโค้ชกลางคั่น ก็เคยเกิดเรื่องดีๆ ที่ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ และ โทมัส ทูเคิ่ล พาทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาแล้ว สถานการณ์ฺของ พ็อตเตอร์ ถ้าให้คิดบวกก็คล้ายกันอยู่ เส้นทางใน ยูซีแอล ก็ยังดำเนินต่อไป ถ้าคว้าจุดเปลี่ยนนี้ได้ เดินหน้าเก็บชัยต่อเนื่อง ประวัติศาสตร์หน้าใหม่อาจเกิดขึ้นอีกครั้งก็เป็นได้

คอนเทนต์เพิ่มเติม :: ฟุตบอลคอนเทนต์