fbpx

ชไมเคิ่ล ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น

ชไมเคิ่ล ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น

ชไมเคิ่ล ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น

“ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น” สุภาษิตไทยโบราณที่มักจะนำมาเปรียบเปรยการกระทำของคนในครอบครัว พ่อแม่เป็นอย่างไร ลูกก็มักจะเป็นเช่นนั้น ซึ่งในวงการฟุตบอลมักจะมีการนำคำนี้มาใช้อยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะกับเหล่าตำนานดังที่คุณพ่อเก่งกาจสร้างโปรไฟล์ไว้สูงลิบ เมื่อลูกชายเลือกเดินในสายอาชีพเดียวกัน ก็มักจะถูกจับตา ถูกแฟนบอลตั้งความคาดหวัง ซึ่งหลายครั้งหลายครามันกลายเป็นอาวุธร้ายที่สร้างแรงกดดันมหาศาล

แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล คือหนึ่งในเด็กหนุ่มที่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาดังกล่าว เพราะการเลือกเล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตู ซึ่งเป็นการเดินตามรอยคุณพ่อของตัวเอง ย่อมหลีกหนีการถูกเปรียบเทียบไม่ได้เลย ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล หรือบิดาของเขาถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในยอดนายทวารที่ดีที่สุดในโลก หลังประสบความสำเร็จอย่างมากมาย คว้าแชมป์ในบ้านเกิดกับ บรอนด์บี้ 4 สมัย ส่วนการเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้ไปถึง 15 โทรฟี่ ซึ่งรวมถึงแชมป์พรีเมียร์ลีก 5 สมัย และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่ยิ่งใหญ่ในปี 1999 “ยักษ์เดนส์” เป็นหนึ่งในขุมพลชุดประวัติศาสตร์ยุคเดียวกับพี่น้องตระกูล เล๊าดรู๊ป ที่สร้างปาฏิหาริย์ช่วยพาทีมชาติเดนมาร์ก สร้าง “เทพนิยายโคนม” คว้าแชมป์ ยูโร 1992 ทั้งๆ ที่จริงแล้วพวกเขาไม่ผ่านรอบคัดเลือกด้วยซ้ำ แต่สุดท้าย “ดวงดี” ได้เสียบโควต้าของ ยูโกสลาเวีย ที่โดนตัดสิทธิ์เพราะมีปัญหาการเมืองภายในประเทศ

หันมาดูเส้นทางของ แคสเปอร์ มันเป็นอะไรที่ค่อนข้างแตกต่าง แม้จะเป็นเด็กปั้นของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้รับการผลักดันจาก สเวน โกรัน อีริคส์สัน ให้ขึ้นชุดใหญ่ในปี 2007 แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถก้าวไปเป็นนายทวารมือหนึ่งที่ทีมไว้ใจได้ หลังถูกปล่อยยืมตัวอยู่หลายสโมสร ไม่ว่าจะเป็น ดาร์ลิงตัน, บิวรี่, ฟัลเคิร์ก, คาร์ดิฟฟ์ เมื่อไม่ได้รับโอกาสเล่นในทีมชุดใหญ่ของ “เรือใบสีฟ้า” ในที่สุด แคสเปอร์ ก็ตัดสินใจออกไปผจญภัยในโลกกว้างด้วยการย้ายไปอยู่กับ น็อตต์ส เคาน์ตี้ ในระดับลีก ทู การวนเวียนอยู่กับทีมในลีกรองทำให้แฟนบอลหลายคนผิดหวังที่เจ้าตัวไม่ได้ก้าวอยู่ในเส้นทางเดียวกับ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล เสียงวิจารณ์ การถูกเปรียบเทียบในแง่ลบกระแทกเข้ามาในหูของ แคสเปอร์ แบบไม่เคยขาดสายชนิดที่เจ้าตัวได้ยินจนเบื่อ และถ้าจิตใจไม่แข็งแกร่งพอคงหันหลังให้วงการลูกหนังไปนานแล้ว

แคสเปอร์ เคยให้สัมภาษณ์กับ เดลี่ เมล ว่าไม่ใช่แค่เกมที่เหนื่อยใจ แต่พ่อของเขาก็ไม่ปลื้มที่ลูกชายถูกเหยียดหยาม ครั้งหนึ่งทั้งคู่ไปทานอาหารเย็นด้วยกัน แล้วมีแฟนบอลเข้ามาหาพร้อมพูดว่า “คุณเป็นตำนานนะสหาย ลูกชายคุณสบายดีนะ แต่เขาจะไม่มีวันดีเท่าคุณแน่” พอได้ยินดังนั้น ปีเตอร์ ถึงกับเงยหน้าเผชิญหน้ากับคนพูด พร้อมกล่าวสวนทันทีว่า “ไปซะ คุณจะมาที่นี่เพื่อดูถูกลูกชายผม คิดว่าคุณจะหนีไปง่ายๆ หรอ” ด้วยใจที่รักฟุตบอล การมีแบบอย่างที่ดีจากคนเป็นพ่อ บวกกับหัวใจนักสู้ การตัดสินใจย้ายออกจาก แมนฯ ซิตี้ คือการถอยเพื่อก้าวที่ไกลกว่าเดิม การลงมาเล่นในลีกทำให้เจ้าตัวได้โอกาสเฝ้าเสาแบบสม่ำเสมอ ได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองจนถูก ลีดส์ ดึงไปมือหนึ่งของทีม และเล่นกับทีมได้ซีซั่นเดียวก็ถูก เลสเตอร์ ซิตี้ ดึงไปร่วมทีม ที่คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม แคสเปอร์ ยึดมือหนึ่งได้แบบถาวร เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมได้แชมป์ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ในปี 2014 และหลังจากนั้น 2 ปีก็สร้างปาฏิหาริย์พา “จิ้งจอกสยาม” เถลิงแชมป์พรีเมียร์ลีก ได้แบบเหนือความคาดหมาย

แคสเปอร์ อาจมีเส้นทางความสำเร็จที่ช้ากว่าคนเป็นพ่อ แต่ในที่สุดเขาก็มีแชมป์พรีเมียร์ลีก ได้เช่นเดียวกัน และปัจจุบันในวัย 34 ปี เจ้าตัวกำลังอยู่ช่วงเวลาที่จะลุ้นขึ้นไปเทียบชั้นบิดาอีกครั้ง หลังพาทีมชาติเดนมาร์ก ลุ้นสร้าง “เทพนิยายโคนม” ภาค 2 ในยูโร 2020 ในฐานะ “ม้ามืด” พวกเขาย่อมเป็นรองคู่แข่งอย่าง อังกฤษ, อิตาลี หรือ สเปน แต่ในโลกของฟุตบอลตามสโลแกนของอาดิดาส “impossible is nothing” หรือไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วถึง 2 หนกับทั้ง เดนมาร์ก และ กรีซ ในปี 2004 จริงๆ คำว่า “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น” ก็ใช้ได้แล้วกับพ่อลูกตระกูล ชไมเคิ่ล แต่มันคงสมบูรณ์ยิ่งขึ้นไปอีกหาก แคสเปอร์ สามารถพา “โคนม” คว้าแชมป์ ยูโร ได้เหมือนที่พ่อเขาเคยทำไว้เมื่อ 29 ปีก่อน

คอนเทนต์เพิ่มเติม :: ข่าวบอล