พ็อตเตอร์มีดีอะไร ทำไมเชลซีถึงอยากได้?
พ็อตเตอร์มีดีอะไร ทำไมเชลซีถึงอยากได้?
ข่าวการแยกทางระหว่าง เชลซี กับ โธมัส ทูเคิ่ล กลายเป็น talk of the town ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก เวลานี้ เพราะไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่ากุนซือที่พาทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อปี 2021 รวมถึงพาทีมเข้าชิง 5 รายการในช่วงเวลาไม่ถึง 2 ปี จะต้องมาเจอจุดจบแบบนี้
อย่างไรก็ตามที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ ใคร? จะเข้ามารับเผือกร้อนที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ซึ่งรายงานล่าสุด เกรแฮม พ็อตเตอร์ คือเต็ง 1 ที่มีโอกาสสูงมาก หลัง ไบรท์ตัน ไฟเขียวยอมให้เจรจา และดูเหมือนการพูดคุยก็ราบรื่นเป็นไปด้วยดี บรรดานักข่าวดังคาดว่าจะมีการแต่งตั้งในเร็วๆ นี้ พ็อตเตอร์ อาจไม่ใช่กุนซือที่มีโปรไฟล์สวยหรู ไม่เคยมีประวัติคุมทีมใหญ่มาก่อน แต่เรื่องราวชีวิตของเขาก็ดูน่าสนใจมากๆ กราฟอาชีพที่กำลังพุ่งขึ้นเรื่อยๆ มันอาจถึงเวลาแล้วที่เจ้าตัวจะได้พิสูจน์ตัวเองกับทีมใหญ่อย่าง เชลซี
– แข้งโนเนมที่ไม่มีอะไรน่าจดจำ
เกรแฮม สตีเฟ่น พ็อตเตอร์ เกิดที่เมือง โซลิฮัลล์ ทางตะวันตกของมิดแลนด์ เริ่มต้นเล่นฟุตบอลอาชีพกับ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ในตำแหน่งแบ็กซ้าย เจ้าตัวถูกดันขึ้นสู่ชุดใหญ่ในวัย 17 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายมากๆ กับแข้งดาวรุ่งอย่างเขาในตอนนั้น ทีม “ลูกโลก” ทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ถึงขั้นต้องหนีตกชั้น มีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของทีมระหว่างฤดูกาล พ็อตเตอร์ เมื่อได้ลงสนามก็ทำผลงานไม่ดี โดนแฟนบอลทีมตัวเองโห่ไล่อย่างไร้ปราณี สุดท้ายก็เล่นกับ เบอร์มิงแฮม แค่ซีซั่นกว่าๆ ก็ต้องย้ายออกจากทีมไป
ช่วงพีกที่สุดในอาชีพของ พ็อตเตอร์ คือสมัยเล่นให้ เซาธ์แฮมป์ตัน ได้ลุยในพรีเมียร์ลีก เป็นหนึ่งในขุนพลของทีม “นักบุญ” ที่ถล่มชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 6-3 ซึ่งจากชัยชนะนัดดังกล่าวทำให้เจ้าตัวมีชื่อติดทีมชาติอังกฤษ รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี แต่นั้นก็เป็นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เส้นทางค้าแข้งส่วนใหญ่ของ พ็อตเตอร์ วนเวียนอยู่กับทีมในลีกระดับล่าง กลายเป็นแข้งพเนจรที่เล่นมากถึง 11 สโมสร ก่อนตัดสินใจแขวนสตั๊ดด้วยวัยเพียง 30 ปีทั้งๆ ที่ไม่มีอาการบาดเจ็บรบกวน แต่เจ้าตัวรู้สึกว่าอาชีพนี้มันถึงทางตันแล้ว
– สร้างชื่อในลีกสวีเดน
หลังเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ พ็อตเตอร์ ตัดสินใจไปเรียนต่อจนจบปริญญาโท และเริ่มต้นเรียนรู้งานโค้ชฟุตบอลกับทีมระดับมหาวิทยาลัย หลังจากนั้นจับพลัดจับผลูได้เป็นผู้ำอำนวยการเทคนิคให้กับฟุตบอลหญิง ทีมชาติกานา ลุ้นฟุตบอลโลก 2007 ชีวิตของ พ็อตเตอร์ มาเจอจุดเปลี่ยนสำคัญในปี 2011 เมื่อเขาได้รับคำแนะนำจาก แกรม โจนส์ เพื่อนของเขาที่เป็นผู้ช่วยของ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ ที่ สวอนซี ให้ไปลองทำงานในสวีเดน กับ ออสเตอร์ซุนด์ ทีมในลีกระดับดิวิชั่น 4 แม้จะต้องทำงานในต่างแดนที่ไม่คุ้นชิน แต่ทำไปทำมา ออสเตอร์ซุนด์ กลายเป็นงานที่ได้ปล่อยของอย่างเต็มที่ พ็อตเตอร์ ใช้เวลาเพียง 5 ปีพาทีมขึ้นชั้น 3 หน พาสโมสรก้าวขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดของประเทศได้เป็นครั้งแรก แถมยังพาทีมคว้าแชมป์บอลถ้วย สวีเดน คัพ ได้อีกด้วยในปี 2017 การพาทีมโนเนมในลีกสวีเดน เข้ามาเล่นฟุตบอลยุโรปอย่าง ยูโรป้าลีก กลายเป็นบันไดสำคัญในอาชีพของเขา โดยเฉพาะการบุกมาเอาชนะ อาร์เซนอล ได้ถึงเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม แม้สุดท้ายทีมจะตกรอบ 32 ทีม แต่นาทีนั้น “Who is Graham Potter ?” กลายเป็นเรื่องที่ถูกถกถามกันอย่างมาก
– สานต่อความสำเร็จในลีกบ้านเกิด
หลังประสบความสำเร็จระดับเป็นตำนานของลีกสวีเดน ในที่สุด พ็อตเตอร์ ก็ตัดสินใจครั้งสำคัญอีกครั้งเมื่อเจ้าตัวตอบรับงานคุมทีม สวอนซี และนี่คือการกลับมาทำงานในดินแดนบ้านเกิดเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าเป็นการตัดสินใจที่ยากมากๆ “การเลิกเล่นฟุตบอลตอนอายุ 30 ปีเป็นเรื่องยากแล้ว แต่การออกจาก ออสเตอร์ซุนด์ เป็นเรื่องที่เจ็บปวดยิ่งกว่า แม้กระทั่งครอบครัวของผม ลูกชายคนโตของผมโกรธมาก เขาร้องไห้ที่ต้องออกจากโรงเรียน ภรรยาของผมมีความสุขมากๆ กับชีวิตในสวีเดน” พ็อตเตอร์ ทำทีมโดยเชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง สวอนซี ที่เพิ่งตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก แทบจะถูกยกเครื่องใหม่ทันที เขาปล่อยสตาร์ดังออกจากทีมมากมายไม่ว่าจะเป็น ลูคัสซ์ ฟาเบียนสกี้, โรเก้ เมซ่า, อัลฟี่ มอว์สัน, เฟเดริโก้ เฟร์นานเดซ รวมถึงพี่น้องอายิว และให้ความสำคัญกับการพัฒนาแข้งเยาวชนมากกว่า แม้จะพาทีมจบแค่อันดับ 10 ในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ แต่แฟนบอล สวอนซี ค่อนข้างประทับใจกับสไตล์การทำทีมของ พ็อตเตอร์ โดยเฉพาะเกมเอฟเอ คัพ รอบ 8 ทีม ที่สู้กับทีมใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้แบบสูสี ขึ้นนำก่อน 2-0 ใน 30 นาทีแรก แต่มาแผ่วปลายโดนแซงไปแบบน่าเสียดาย
– เป็นที่ยอมรับในพรีเมียร์ลีก
พ็อตเตอร์ อยู่คุม สวอนซี ได้แค่ซีซั่นเดียว ก็ได้โอกาสก้าวไปทำงานในระดับที่สูงขึ้นหลังได้รับข้อเสนอไปคุม ไบรท์ตัน แทนที่ของ คริส ฮิวจ์ตัน ที่พาทีมรอดตกชั้นแบบหวุดหวิดมีคะแนนเหนือเรดโซนเพียง 2 คะแนนเท่านั้น จริงอยู่ที่ผลงานโดยรวมจะไม่ค่อยดีนัก 2 ฤดูกาลแรกจบอันดับ 15 กับ 16 แต่ทิศทางการเล่นในสนามก็ดูดีขึ้นอยู่ตลอด สามารถสู้ได้หมดทุกทีม ไม่เว้นแม้กระทั่งทีมท็อปซิกซ์ ที่ พ็อตเตอร์ พา ไบรท์ตัน ตบมาหมดแล้วทั้ง แมนฯ ซิตี้, ลิเวอร์พูล, อาร์เซนอล, แมนฯ ยูไนเต็ด และ สเปอร์ส ซีซั่นที่ผ่านมา พ็อตเตอร์ พัฒนาทีม “นกนางนวล” อย่างมาก พาทีมจบอันดับ 9 สูงที่สุดที่สโมสรที่เคยเล่นในลีกสูงสุด ขณะที่ฤดูกาลปัจจุบันก็สตาร์ตสวย 6 เกมผ่านไปชนะถึง 4 ตามหลัง อาร์เซนอล จ่าฝูงแค่ 2 คะแนน
– เหตุผลที่ เชลซี อยากได้
ในวัย 47 ปี พ็อตเตอร์ ถือเป็นกุนซือหนุ่มอนาคตไกล ได้รับการยกย่องจากแฟนบอลและกูรูลูกหนังในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางอาชีพที่ไม่เหมือนใคร การทำทีมที่งบประมาณค่อนข้างจำกัดแต่มีผลงานที่น่าประทับใจ พ็อตเตอร์ เป็นกุนซือที่เน้นการพัฒนาศักยภาพบุคคล เขาเคยปลุกปั้น แดเนี่ยล เจมส์ และ โอลี่ แม็คเบอร์นี่ จนมีชื่อเสียงสมัยอยู่ สวอนซี ดันดารา เบน ไวท์, อีฟส์ บิสซูม่า, มาร์ค คูคูเรญ่า อาจรวมถึง แดน เบิร์น จนสามารถขายต่อทำกำไรให้ ไบรท์ตัน แบบมหาศาล การเสริมทัพก็สายตาค่อนข้างเฉียบคม ตัวหลักในชุดปัจจุบันอย่าง โยเอล เฟลท์มัน, อีน็อค เอ็มเวปู, มอยเซส ไคเซโด้ และ ทาริค แลมพ์ตี้ย์ ก็มาร่วมทีมแบบราคาประหยัด ที่จ่ายหนักหน่อย เลอันโดร ทรอสซาร์ และ อดัม เว็บสเตอร์ แพงสุดยังไม่เกิน 20 ล้านปอนด์ ไหนจะพวก อดัม ลัลลาน่า และ แดนนี่ เวลเบ็ค ที่ได้มาฟรีแต่ก็เก๋าช่วยทีมได้เยอะ
เรื่องของปรัชญาการทำทีมก็ชัดเจน แม้จะเป็นทีมเล็กแต่ก็กล้าต่อบอลสู้กับทุกทีม สถิติซีซั่นก่อน ไบรท์ตัน มีเปอร์เซ็นต์ครองบอลเฉลี่ยสูงถึง 54.3% มีแค่ เชลซี, ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ซิตี้ 3 ทีมเท่านั้นที่ทำได้มากกว่า รายงานเบื้องหลังการปลด โธมัส ทูเคิ่ล ระบุว่า ท็อดด์ โบห์ลี่ย์ ไม่โอเคที่กุนซือชาวเยอรมัน ไม่ชอบแสดงความคิดเห็นกับเขามากนัก ชอบแก้ปัญหากันเองกับสตาฟฟ์โค้ชของตัวเอง และรู้สึกผิดหวังที่ไม่ยอมผลักดันการคว้าตัว ราฟินญ่า และ ฌูลส์ กุนเด้ ทั้งๆ ที่สโมสรตกลงค่าตัวได้แล้ว แต่นักเตะกลับเลือกย้ายไป บาร์เซโลน่า การเล็งเป้ามาที่ เกรแฮม พ็อตเตอร์ ทาง โบห์ลี่ย์ อาจต้องการกุนซือสายเลือดใหม่ ที่อีโก้ไม่เยอะ พร้อมทำงาน ทำทีมแบบเคียงข้างไปกับเขา ที่สำคัญผู้เล่นชุดปัจจุบันของ “สิงห์บลูส์” ก็คุ้นเคยกับระบบหลัง 3 ดีอยู่แล้ว สามารถปรับตัวเข้ากับระบบหลัก 3-5-2 ของกุนซือ ไบรท์ตัน ได้แบบไม่ยากเลย
คอนเทนต์เพิ่มเติม :: ข่าวบอล