โรเมลู ลูกากู : กับชีวิตค้าแข้งช่วงขาลง ? 2022/23 By Singsanam

โรเมลู ลูกากู : กับชีวิตค้าแข้งช่วงขาลง ? 2022/23

ครั้งหนึ่งชื่อของ โรเมลู ลูกากู ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าดาวรุ่งที่น่าจับตามากที่สุด ทั้งเรื่องของฝีเท้า และจุดเด่นคือความเฉียบขาดในเรื่องการจบสกอร์ เชื่อว่าแฟนบอลหลายคนน่าจะจำภาพสมัยที่เจ้าตัวเป็นเยาวชนของ อันเดอร์เลชท์ กันได้ ที่รูปร่างสูงใหญ่กว่าคู่แข่ง จนถึงว่าข้ามรุ่นมาเล่นด้วย

ส่วนผลงานในสนามระดับเป็นเยาวชน ลูกากู ยืนหนึ่งไม่เป็นสองรองใครจนกระทั่งถูกดันขึ้นมายังทีมชุดใหญ่ของ อันเดอร์เลชท์ ด้วยวัยเพียง 17 ปีเพียงเท่านั้น จากนั้นเจ้าตัวก็ใช้เวลาไม่นานในการสถาปนาตัวเองกลายเป็นดาวยิงตัวหลักของสโมสร เพียงซีซั่นที่สองกับทีมชุดใหญ่ ลูกากู กระหน่ำไปมากถึง 19 ประตู จากการลงสนามทุกรายการ 45 นัด ก่อนต่อยอดผลงานในปีต่อๆ มา ก่อนนำมาซึ่งข่าวคราวที่ได้รับความสนใจจากหลายสโมสรในยุโรป ซึ่งทีมที่ได้ตัวเขาไปครองก็คือ เชลซี

เริ่มต้นพรีเมียร์ลีกกับ เชลซี

ทัพ สิงห์บลูส์ ยอมประเคนค่าตัวราว 15 ล้านยูโร เพื่อดึงตัวดาวรุ่งรายนี้ที่ยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองในระดับสูงมากนักเข้าสู่ทีม ซึ่งถ้าว่ากันตามตรงมันเหมือนเป็นเหมือนเครื่องหมายการค้าในยุคที่ โรมัน อบราโมวิช ยังครองอำนาจ พูดง่ายๆ คือการดึงเด็กเก่งจากทั่วทุกมุมโลกมารวมกัน และมาประเมินฝีเท้าว่าสามารถต่อยอดได้มากขนาดไหน ซึ่งระหว่างฟูมฟักฝีเท้าก็จะส่งไปให้สโมสรต่างๆ หรือทีมพันธมิตรในการยืมตัวไปใช้งาน เพื่ออย่างน้อยให้เด็กได้มีเวทีลงเล่น หรือโอกาสลงสนามสัมผัสในเกมอย่างเป็นทางการ เช่นเดียวกับ ลูกากู การปล่อยยืมครั้งแรกคือโยกย้ายสู่ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยนแน่นอนนี่คือการลงเล่นพรีเมียร์ลีกแบบเต็มๆ ครั้งแรกเจ้าตัว ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าผลงานที่ออกมาผิดคาดไปเยอะ หลังกระหน่ำไปถึง 17 ประตู จาก 35 เกมลีก เอาเป็นว่านี่คือฤดูกาลที่เขาแจ้งเกิดอย่างเต็มตัว

เติบโตแบบก้าวกระโดดที่ เอฟเวอร์ตัน

จากนั้นก็ถูกปล่อยยืมอีกไปเป็นครั้งที่ 2 กับ เอฟเวอร์ตัน แต่ครั้งนี้ผิดแปลกออกไปคือไปแล้วไม่กลับมา เพราะทัพ ทอฟฟี่ ประทับใจในฝีเท้า และพร้อมมอบโอกาสลงสนามให้กับ ลูกากู แบบสม่ำเสมอ เหตุผลที่ เชลซี ไม่เก็บ ลูกากู ไว้ไม่อาจทราบว่าได้เบื้องลึกเบื้องหลังคืออะไร ทั้งที่กองหน้าในยุคนั้นฝากความหวังไว้ที่ ซามุเอล เอโต้, เฟร์นานโด ตอร์เรส และ เดมบ้า บา เพียงเท่านั้น ซึ่งการเป็นสมาชิก เอฟเวอร์ตัน เหมือน ลูกากู ได้สวมเกราะทองไล่ล่าประตู 3 ซีซั่นในรูปแบบสัญญาถาวรสามารถการันตีการซัด 20 ตุง เป็นขั้นต่ำได้เลย ซึ่งไม่แปลกที่ชื่อของเขาจะกลับมาเนื้อหอมอีกครั้ง และหลายทีมอยากได้ตัวไปเสริมแกร่งให้ได้

หนีเชลซี ไปอิงซบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ตัดภาพมาไปเมื่อช่วงซัมเมอร์ 2017 การย้ายสู้ถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด สร้างเสียงฮือฮาได้มากพอสมควร ด้วยค่าตัวกี่ไปแตะหลัก 80 ล้านยูโร บวกกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในตอนนั้นไม่ใช่เต้ยของฟุตบอลอังกฤษ กลายเป็นความน่าสนใจคูณสองขึ้นมา ซึ่งถ้าจะถามว่า ลูกากู สอบผ่านไหมในยูนิฟอร์ม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ? ถ้าพูดถึงจำนวนการทำประตู 96 นัด 42 ประตู ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2 นัดต่อ 1 ประตู ถือว่าไม่น่าเกลียดเลยสักนิด ทว่าถ้ามองไปในรายละเอียดระหว่างเกมมันดูจะไม่ค่อยตอบสนองกับทิศทางของกุนซือ และทีมเท่าไหร่นัก จนนำมาซึ่งการแยกทางทั้งที่เพิ่งร่วมงานกันได้เพียง 2 ฤดูกาล เท่านั้น

เมื่อฟุตบอลอังกฤษสำหรับเขามาถึงทางตัน

หลังจากคลุกคลีกับฟุตบอลอังกฤษมา 8 ปีเต็มๆ ก็ถึงเวลาในการโบยบิน และความท้าทายครั้งใหม่ภายใต้สีเสื้อของ อินเตอร์ มิลาน ผลงานกับทัพ งูใหญ่ ต้องบอกเลยว่าขออนุญาตโค้งหัวคารวะ ลูกากู กลายสภาพเป็นดาวยิงที่ครบเครื่องมากที่สุดคนหนึ่งของเวที เซเรีย อา ในตอนนั้น ก่อนจะมาประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ลีกกับทีมในซีซั่น 2020-21 ซึ่งเจ้าตัวซัดไปมากถึง 24 ประตู เลยทีเดียว ซึ่งถ้านั้นคือช่วงเวลาที่กราฟของ ลูกากู กำลังพุ่งแบบสุดขีด ห้วงเวลาหลังจากนั้นอีกไม่นานคือชีวิตขาลงของเขาอย่างแท้จริง

ฟอร์มแรงจนไปเข้าตา สโมสรเชลซี อีกครั้ง

การตัดสินใจย้ายกลับมาที่อังกฤษอีกครั้ง เพื่อมาร่วมทีมขวัญใจในวัยเด็กอย่าง เชลซี ใช่ว่ามันคือการทำตามความต้องการของหัวใจ แต่กับความเป็นจริงคือฝันร้ายช่วงกลางวันแสกๆ ทั้งเรื่องผลงานในสนามชนิดที่ทำประตูได้เพียงหยิบมือ แถมท็อปฟอร์มเรื่องนอกสนามด้วยการออกมาวิจารณ์กุนซือในตอนนั้นอย่าง โธมัส ทูเคิ่ล พรางพูดถึงการอยากย้ายกลับ อินเตอร์ มิลาน อยู่ตลอดเวลา ทำให้ภาพจำของเขาในถิ่น เดอะ บริจด์ มันร้ายแรงกว่าภาคแรกสมัยเป็นเยาวชนเสียอีก และยิ่งเมื่อบวกกับเรื่องราวนอกสนามประเด็นปากแจ๋ววิจารณ์ เชลซี ในด้านลบๆ กลายเป็นทำให้เหล่าซัพพอร์ตเตอร์ของ สิงห์บลูส์ ไม่อยากจะต้อนรับการกลับมาของหัวหอกรายนี้อีกเลย

ตัดสินใจผิด เลยขอกลับมาอิงบ้านเก่า

ส่วนปัจจุบัน ลูกากู ได้ย้ายกลับมาร่วมงานกับ อินเตอร์ สมใจ ทว่าก็โดนอาการบาดเจ็บพรากไปจากสนามอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตอนนี้เพิ่งลงสนามไปเพียง 18 เกมเท่านั้น และยิงได้ 5 ประตู เท่านั้น แน่นอนในเมื่อย้ายมารัง งูใหญ่ ด้วยสัญญายืมตัว อนาคตของเขาย่อมไม่มีอะไรที่สามารถการันตีได้ และล่าสุด ซีอีโอ อินเตอร์ ก็ประกาศชัดแล้วว่าจะไม่ดึงแข้งรายนี้แบบร่วมทีมแบบถาวรอย่างแน่นอน ซึ่งถ้าเป็นไปตามนี้ ลูกากู ต้องกลับไปยังต้นสังกัดแม่อย่าง เชลซี ที่โบกมือลากันมาไม่ค่อยสวยเท่าไหร่นัก
จากดาวยิงที่ได้รับการขนานนามว่าดีที่สุดในอิตาลีเมื่อช่วง 3 ปีที่ผ่านมา การตัดใจเลือกเส้นทางเดินผิดก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อนาคตผันแปรไปจากเดิม

จะตัดสินใจอย่างไรในอนาคต ?

อนาคตของ ลูกากู จะออกมาในแบบไหนไม่อาจทราบได้ แต่เมื่อประเมินทิศทางในตอนนี้มีอยู่ 3 ช้อยส์
– ย้ายกลับไปอยู่กับ เชลซี เพื่อพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง
– เร่งทำผลงานกับ อินเตอร์ เผื่อซื้อใจบอร์ดบริหารดึงตัวมาร่วมทีมแบบถาวร
– และทางเลือกสุดท้ายคงเป็นการหาทีมใหม่ที่เหมาะสม และต้องการตัวเขา
จากกราฟที่กำลังพุ่งขึ้น ทำประตูเป็นกอบเป็นกำ แถมคว้าความสำเร็จมาเชยชม สู่กองหน้าที่อนาคตไร้ซึ่งความแน่นอน ทั้งที่ด้วยวัย 29 ปี ควรจะเป็นช่วงเวลาที่ผลงานพีคขั้นสุด ถล่มประตูเป็นว่าเล่น มากกว่าความไม่แน่นอนเรื่องนอกสนาม