บาร์เซโลนา vs แมนยูไนเต็ด สุดยอดเกมคุณภาพ
บาร์เซโลนา vs แมนยูไนเต็ด สุดยอดเกมคุณภาพ
ต้องบอกว่าตลอด 90 นาที ที่สนาม คัมป์ นู เป็นเกมที่อุดมไปด้วยอัตราความมันส์ระดับ 5 ดาว ให้แฟนบอลได้ลุ้นอยู่เสมอว่าผลการแข่งขันจะออกมาในรูปแบบไหน ผลัดกันนำ ผลัดกันตาม จนกระทั่งสุดท้ายลงเอยด้วยผลเสมอ และต้องไปตัดสินหาผู้ชนะเพื่อผ่านเข้าสู่รอบต่อไปในเกมนัดที่ 2 ที่จะดวลกันในวันที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ ณ สังเวียน โอลด์ แทรฟฟอร์ด ว่าแล้วเราเลยจะพาไปเก็บตกประเด็นน่าสนใจจากเกมดวลเดือดกันระหว่าง บาร์เซโลน่า กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กันว่ามีเหตุการณ์ไหนบ้างที่น่าสนใจ และถึงขั้นต้องยกให้เป็นอีกเกมคุณภาพประจำค่ำคืนที่ผ่านมา
การจัดทีม
เริ่มต้นที่ประเด็นแรกคือการจัดตัวของทั้งสองฝ่าย บาร์เซโลน่า ของ ชาบี เอร์นานเดซ ก็ขนผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดลงสนามจะขาดก็แค่ตัวที่เจ็บอยู่อย่าง อุสมาน เดมเบเล่ เกมรับวันนี้ใช้บริการของ โรนัลด์ อเราโฆ่ จับคู่เซ็นเตอร์ฮาฟกับ มาร์กอส อลอนโซ่ โดยที่มี ชูลส์ กุนเด้ กับ จอร์ดี้ อัลบา ขนาบอยู่ด้านข้าง
แดนกลางนำมาโดย เปดรี้ ประสานงานร่วมกับ ฟร้องค์ เกสซีเย่ และ เฟรงกี้ เดอ ยอง ลูกทีมคนโปรดของ เอริค เทน ฮาก ส่วนแผนกเกมรุกจัดมาทั้ง ราฟินญ่า, กาบี และ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
ข้ามมาดูทางฝั่งผู้มาเยือนกันบ้างต้องบอกว่าสภาพทีมไม่ค่อยสมบูรณ์มากนัก นักเตะเจ็บหลายคน รวมไปถึงติดโทษแบนไป 2 รายคือ ลิซานโดร มาร์ติเนซ กับ มาร์เซล ซาบิเซอร์ ว่าแล้วนายใหญ่ชาวดัตซ์ก็ดัดแปลงกองหลังอีกครั้งด้วยการหุบ ลุค ชอว์ เข้าไปเล่นในบทบาทเซ็นเตอร์ฮาร์ฟ ร่วมกับ ราฟาเอล วาราน ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ถือว่าตามคาด กาเซมิโร่ ที่โดนแบนในเกมลีกกลับมาออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเล่นร่วมกับ เฟร็ด เกมรุกใช้งานทั้ง เจดอน ซานโช่, มาร์คัส แรชฟอร์ด, บรูโน่ แฟร์นานเดส และ เวาต์ เว็กฮอร์สต์ ล้มการเป็นนักฟุตบอลอาชีพเลยทีเดียว
สู้กันยิบตา
ต้องบอกว่าเป็นเกมที่สู้กันได้อย่างคุณภาพมากพอสมควร แม้ในช่วง 45 นาทีแรก จะลงเอยเจ๊าแบบไร้สกอร์ทว่าถ้าใครได้ติดตามชมเกมจะเห็นว่าทั้งคู่ต่างเปิดเกมรุกบุกเข้าใส่กัน และสร้างสรรค์โอกาสได้อยู่หลายครั้ง แม้ภาพรวมอาจเป็นเจ้าถิ่นที่ครองบอล ครองเกมได้เหนือกว่านิดหน่อยก็ตาม
กระทั่งเข้าสู่ช่วงครึ่งหลังพลันที่ บาร์เซโลน่า ทำประตูออกนำไปก่อนเหมือนเป็นการเคาะประตูกระตุ้นอัตราความมันส์ให้มันรุ่มร้อนมากกว่า ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องชม ยูไนเต็ด ที่ไม่ได้เกรงกลัวเจ้าบ้าน และเดินหน้าหวังทำประตูตามตีเสมอให้ได้
ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปทัพ ปีศาจแดง อาศัยความจี๊ดจ๊าดที่มากกว่าชิงขึ้นนำไปเสียดื้อๆ และทั้ง 2 ประตู ก็มีชื่อของ มาร์คัส แรชฟอร์ด เข้าไปเกี่ยวข้องทั้งหมด เรียกว่าร้อนแรงแบบสุดๆ ณ ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม บาร์ซ่า ยุคนี้ใช่ว่าจะฆ่ากันได้ง่ายๆ มาได้ประตูตามตีเสมอจาก โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ และหวิดจะมาพังประตูชัยได้ด้วยในช่วงท้ายเกม แต่เป็น ดาบิด เด เคอา ที่งัดฟอร์มเทพเซฟไว้ได้อีกครั้ง
จากผลเสมอในเกมนี้ทำให้ทัพ “อาซูลกราน่า” ยืดสถิติไม่แพ้ให้กับสโมสรไหนมาแล้ว 17 นัดติดต่อกัน แบ่งเป็นชนะ 14 และ เสมอ 3 เกม ก่อนที่จะมีโปรแกรมดวล กาดิซ ก่อนต่อด้วยลุย โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในสัปดาห์หน้า ส่วนทางฝั่ง ยูไนเต็ด คงเป็นความรู้สึก 2 ขั้วอารมณ์คือเสียดายที่ทีมไม่อาจกุมความได้เปรียบได้ชัยชนะได้ แต่ในอีกมุมก็เป็นเรื่องน่ายินดีที่ไม่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ออกมา
แมนยูไนเต็ด เยือน คัมป์ นู
เกมล่าสุดที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกไปเยือน คัมป์ นู ต้องบอกว่าเป็นฝันร้ายที่ไม่น่าจดจำของพวกเขาเท่าไหร่นัก ซึ่งเหตุการณ์ในวันนั้นเกิดขึ้นในศึก แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้ายปี 2019 โดยนักเตะในวันนั้นหลงเหลือในวันนี้หลายรายไม่ว่าจะเป็น ดาบิด เด เคอา, มาร์คัส แรชฟอร์ด, เฟร็ด และ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล
เกมในวันนั้นพวกเขาโดน บาร์เซโลน่า ถลุงยับเยิน 3-0 ชนิดที่ต้องยอมโค้งหัวคารวะ และยอมรับความพ่ายแพ้แบบศิโรราบ ทว่า ณ ปัจจุบันเหตุการณ์แบบนั้นมันหมุนเวียนเปลี่ยนไปไม่น้อย เมื่อกุนซือที่พาทีมบุกไปเยือน คัมป์ นู คือ เอริค เทน ฮาก
แม้จะมีห้วงเวลาที่ตกเป็นฝ่ายตามหลังไปก่อน ทว่าอย่างน้อยๆ ก็มองเห็นถึงความใจสู้ และเดินหน้าเพื่อล่าประตูต่อไป เพื่ออย่างน้อยก็กุมความเปรียบด้วยการไม่พ่ายเกมเยือนก่อนเป็นอันดับแรก
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ บาร์เซโลน่า เองก็เปลี่ยนตัวเองไปเยอะพอสมควร เช่นเดียวกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ยกระดับตัวเองให้กลายเป็นทีมใหม่ที่มีความไฉไลมากกว่าเดิมทั้งเรื่องของผลการแข่งขัน และรูปแบบการเล่นในสนาม
แรชฟอร์ด แรงต่อเนื่อง
ถ้าจะถามหานักเตะสักคนที่ร้อนแรงแบบสุดๆ ในชั่วโมงอย่างไรเสียก็ย่อมต้องมีชื่อของ มาร์คัส แรชฟอร์ด รวมอยู่ในนั้นด้วย จากสถิติที่กระทุ้งประตูเป็นว่าเล่นนับตั้งแตาจบศึกฟุตบอลโลก 2022 เป็นต้นมา
2 ประตูล่าสุดที่ ยูไนเต็ด ทำได้ แรชฟอร์ด ก็พาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นช็อตตามตีเสมอ 1-1 หรือ ลูกขึ้นนำ 1-2 ก็เป็นเขาที่กระชากบอลหนีคู่แข่ง ก่อนมานำซึ่งการทำเข้าประตูตัวเองของ ชูลส์ กุนเด้
นับจนถึงตอนนี้ แรชฟอร์ด ซัดประตูในซีซั่นนี้รวมแล้ว 22 ตุงในทุกรายการ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ดีสุดของเจ้าตัวเทียบเท่ากับที่เคยทำไว้เมื่อฤดูกาล 2019-20
คราวนี้ความน่าสนใจคือซีซั่นนี้ แรชฟอร์ด จะพาตัวเองไปหยุดอยู่ที่กี่ประตู และที่สำคัญจะเดินหน้าสอยแชมป์กับ แมนฯ ยูไนเต็ด มาครองได้สำเร็จหรือไม่ในขวบปีที่ดีที่สุดของตัวเองได้หรือไม่
ติดตามประวัตินักฟุตบอลเพิ่มเติม :: ประวัตินักฟุตบอล
