เฟเดริโก้ บัลเบรเด้ ถึงเวลาจรัสแสงในดงกาลาติกอส
เฟเดริโก้ บัลเบรเด้ ถึงเวลาจรัสแสงในดงกาลาติกอส
เรอัล มาดริด อาจเป็นความฝันสูงสุดของนักฟุตบอลส่วนใหญ่ แต่ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะทำฝันนั้นให้เป็นจริง โดยเฉพาะกับนักเตะดาวรุ่งที่ถูกดึงมาปลุกปั้นตั้งแต่วัยเยาว์ ที่รู้ดีว่าการขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของ “โลส บลังกอส” นั้นยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา ในทีม กาสติญ่า จริงๆ “ราชันชุดขาว” ผลิตนักเตะฝีเท้าดีขึ้นมาอย่างมากมาย แต่ด้วยนโยบาย “กาลาติกอส” เน้นทุ่มดึงสตาร์ดังมาเสริมทีม โดยเฉพาะในยุคของท่านประธาน ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ทำให้พื้นที่ “แจ้งเกิด” แทบจะถูกปิดท้ายในทันที เฟรเดริโก้ บัลเบรเด้ คือ 1 ในไม่กี่คนในทีมชุดปัจจุบัน ที่ก้าวจาก กาสตีญ่า ขึ้นมาเป็นตัวหลักภายในทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ อยู่ในเวลานี้
เฟเดริโก้ ซานติอาโก้ บัลเบรเด้ ดิเพ็ตต้า หรือถูกเรียกสั้นๆ “เฟเด” เกิดเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 1998 ใน มอนเตวิเดโอ เมืองหลวงของประเทศอุรุกวัย โดยครอบครัวของเขาไม่พื้นฐานอะไรเกี่ยวกับฟุตบอลเลย ไม่มีญาติพี่น้องเป็นนักฟุตบอลอาชีพมาก่อน อย่างไรก็ตาม บัลเบรเด้ กลับชื่นชอบการเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุ 2 ขวบ เขาไม่เคยร้องขอของเล่นอะไร วันแล้ววันเล่าเอาแต่เตะบอลเข้าตาข่ายเป็นชั่วโมง ซึ่งนั้นทำให้พ่อและแม่ของเขารับรู้ได้ทันทีว่าโชคชะตาของเด็กคนนี้จะต้องเป็นนักฟุตบอลอาชีพ พออายุ 3 ขวบ พ่อแม่ของ บัลเบรเด้ พาเขาเข้าสู่อคาเดมี่เล็กๆ ในเมืองมอนเตวิเดโอ ก่อนที่จะได้รับโอกาสลงเล่นในเกมอย่างเป็นทางการตอนอายุ 5 ขวบ กับทีมเยาวชนที่จริงๆ แล้วต้องอายุ 6 ปีขึ้นไปถึงจะร่วมแข่งขันได้
ในปี 2008 บัลเบรเด้ ถูกเรียกไปทดสอบฝีเท้ากับ เพนารอล ทีมดังในลีกอุรุกวัย ซึ่งเจ้าตัวก็ทำผลงานได้ดีชนิดที่ เนสเตอร์ กอนคัลเวส เจ้าหน้าที่ดูแลการคัดเลือกต้องพูดกับ ดอริส แม่ของเขาว่า “ลูกชายของคุณเป็นเด็กหายาก เขาต้องได้รับการยอมรับแน่” หลังเข้าสู่อคาเดมี่ของ เพนารอล กราฟชีวิตของ บัลเบรเด้ ก็พุ่งขึ้นเรื่อยๆ เขาใช้เวลาเพียง 2 ปีก็ถูกเรียกติดทีมชาติอุรุกวัย รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี และนับตั้งแต่ตอนนั้นก็มีชื่อติดทีมชาติระดับเยาวชนแทบทุกชุดเลยก็ว่าได้ ฤดูกาล 2015-16 สมัยที่จะอยู่กับอคาเดมี่ บัลเบรเด้ มีโอกาสได้พบกับ ดิเอโก้ ฟอร์ลัน นักเตะไอดอลของตัวเองที่เพิ่งย้ายมาอยู่กับ เพนารอล ซึ่งตำนานดาวยิงอุรุกวัย ก็ได้แนะนำให้เขาทำงานหนักและรู้จักถ่อมตัว หลังจากนั้นไม่นาน บัลเบรเด้ ถูกดันขึ้นชุดใหญ่ของ เพนารอล ได้เล่นร่วมกับไอดอล ฟอร์ลัน ก่อนช่วยกันพาต้นสังกัดคว้าแชมป์พรีเมร่า ดิวิชั่น หรือแชมป์ลีกสูงสุดได้ทันทีตั้งแต่ฤดูกาลแรก
ในขณะที่เส้นทางลูกหนังของ บัลเบรเด้ กำลังไปได้ด้วยดี ปี 2016 เจ้าตัวดันมีปัญหาเรื่องการหายใจ เสียงที่เปลี่ยนไป จนทำให้เขารู้สึกไม่สบาย และเกือบที่จะคุกคามอาชีพนักฟุตบอลของเขา แต่สุดท้ายโชคยังดี การรักษากับทีมแพทย์ผ่านไปด้วยดี เจ้าตัวกลับมาลงสนาม และได้ย้ายไปร่วมทีม เรอัล มาดริด ในเวลาต่อมา
การมาอยู่กับ เรอัล มาดริด บัลเบรเด้ ต้องเล่นในทีม กาสตีญ่า หรือทีมเยาวชนของ “ราชันชุดขาว” ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวเขาถูกเรียกติดทีมชาติอุรุกวัย ลุยศึกฟุตบอลโลก รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปีที่ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อปี 2017 ทัวร์นาเมนต์นี้แม้ อุรุกวัย จะจบแค่อันดับ 4 แต่ผลงานส่วนตัวของ บัลเบรเด้ ถือว่าโดดเด่น ทั้งการเล่นเกมรับที่แข็งแกร่ง และการเป็นกองกลางที่เล่นได้อย่างชาญฉลาด ซึ่งเจ้าตัวได้รับรางวัล ซิลเวอร์ บอล หรือนักเตะยอดเยี่ยมอันดับ 2 เป็นรอง โดมินิค โซลันกี้ ดาวยิงทีมแชมป์อังกฤษ คนเดียวเท่านั้น
หลังจบทัวร์นาเมนต์นานาชาติ เรอัล มาดริด ที่อาจยังไม่มีที่ว่างให้กับ บัลเบรเด้ ได้ตัดสินใจส่งเจ้าตัวไปเก็บเลเวลกับ เดปอร์ติโว่ ลา คอรุนญ่า ทีมร่วมลา ลีกา สเปน ซึ่งดาวเตะอุรุุกวัย ก็ได้โอกาสลงสนามอย่างสม่ำเสมอถึง 24 เกม ระหว่างฤดูกาลมีเกมที่ ลา คอรุนญ่า บุกไปเยือน บาร์เซโลน่า ถึงแม้ทีมของเขาจะแพ้ 0-4 แต่หลังจบเกม หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าทีมชาติรุ่นพี่ของ บาร์ซ่า ประทับใจผลงานของ บัลเบรเด้ มาก บุกไปทักทายถึงห้องแต่งตัวและขอแลกเสื้อของเขาด้วย เท่านั้นไม่พอเมื่อ บัลเบรเด้ ก้าวไปติดทีมชาติอุรุกวัย ชุดใหญ่ หลังได้ประเดิมสนามอย่างเป็นทางการ ซัวเรซ ก็ได้เข้าไปถ่ายรูปคู่กับเขา และโพสต์ในทวีตเตอร์ส่วนตัวแสดงความยินดีกับเกมนัดแรกและประตูแรกในนามทีมชาติ
หลังทำผลงานได้ดี บวกกับ เรอัล มาดริด เปลี่ยนถ่ายทีมมาสู่ยุคของ ฆูเลน โลเปเตกี นี่คือใบเบิกทางที่ทำให้ บัลเบรเด้ ได้ก้าวขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ของ “โลส บลังกอส” แบบเต็มตัวในฤดูกาล 2018-19 หลังจากนั้นไม่ว่าทีมจะเปลี่ยนใครมาเป็นกุนซือไม่ว่าจะเป็น ซานติอาโก้ โซลารี่ อดีตโค้ชของเขาที่ กาสตีย่า, ซีเนอดีน ซีดาน กลับมาคุมทีมคำรบ 2 หรือแม้กระทั่งกุนซือคนปัจจุบันอย่าง คาร์โล อันเชล็อตติ ทุกคนต่างให้โอกาสกับ บัลเบรเด้ อย่างเต็มที่ แม้ตำแหน่งหลัก บัลเบรเด้ จะเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง แต่การมี 3 ผสานอย่าง คาเซมิโร่, โทนี่ โครส และ ลูก้า โมดริช เป็นยักษ์ปักหลั่นขวางทางอยู่ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเบียดแย่งตัวจริงกับเหล่าตำนานที่มีชีวิตของสโมสร ดังนั้นไม่ว่าโค้ชจะให้เขาเล่นในตำแหน่งไหน บัลเบรเด้ พร้อมรับทุกโอกาส เอาเฉพาะสถิติที่เล่นให้ เรอัล มาดริด ตอนนี้กองกลางวัย 24 ปีลงเล่นไปแล้วถึง 7 ตำแหน่ง ไล่ตั้งแต่ แบ็กขวา, ปีกขวา, ตัวรุกฝั่งขวา, ปีกซ้าย, มิดฟิลด์ตัวกลาง, กองกลางตัวรับ และ กองกลางตัวรุก
ฤดูกาลนี้ บัลเบรเด้ ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของ “ราชันชุดขาว” แบบเต็มตัว หลังลงตัวจริงถึง 7 จาก 8 นัดรวมทุกรายการ แถมล่าสุดเพิ่งโซโล่เดี่ยวลากจากแดนตัวเองไปยิงใส่ เรอัล มายอร์ก้า ลูกนี้ส่งประกวดประตูยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของ ลา ลีกา สเปน ได้แบบสบายๆ บัลเบรเด้ เป็นกองกลางสไตล์ บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ ที่เกมรับก็ได้ เกมรุกก็ดี มีความขยันทุ่มเท แถมตัดสินใจได้เฉียบขาด ช็อตเสียสละเสียบ อัลวาโร่ โมราต้า จนโดนใบแดง แต่แลกมาด้่วยถ้วยแชมป์ สแปนิช ซูเปอร์ คัพ เมื่อปี 2020 ได้รับคำชมอย่างมาก ไม่เว้่นแม้กระทั่ง ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ กุนซือของ แอตเลติโก มาดริด ทีมคู่แข่ง ในยุคที่ เรอัล มาดริด กำลังผลัดใบในตำแหน่งกองกลาง คาเซมิโร่ ย้ายทีม โทนี่ โครส และ ลูก้า โมดริช ก็โรยราเต็มแก่ มันถึงเวลาแล้วที่ เฟเดริโก้ บัลเบรเด้ จะก้าวขึ้นมาเป็นกระดูกสันหลังของทีม เคียงข้าง ออเรเลียง ชูอาเมนี่ และ เอดูอาร์โด้ คามาวินก้า 2 กองกลางทีมชาติฝรั่งเศส ด้วยผลงานที่ดีวันดีคืน เชื่อเหลือเกินว่า บัลเบรเด้ กำลังจะพาตัวเองกลายเป็นหนึ่งในสุดยอดกองกลางของโลกได้อย่างแน่นอน
คอนเทนต์เพิ่มเติม :: ข่าวบอล