เจฟเฟรน ซัวเรซ : อดีตแข้ง บาร์เซโลน่า ขวบปีที่ 3 กับฟุตบอลไทย
เจฟเฟรน ซัวเรซ : อดีตแข้ง บาร์เซโลน่า ขวบปีที่ 3 กับฟุตบอลไทย
ศูนย์ฝึก ลา มาเซีย ของ บาร์เซโลน่า ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในอคาเดมี่เบอร์ต้นของโลก ผ่านกระบวนการขัดเกลาเหล่านักเตะมากมายที่สามารถเติบโตมาเป็นแข้งระดับโลกทั้งในอดีต และปัจจุบัน ซึ่งนักเตะที่สามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นกับชุดอคาเดมี่ประตูสู่การเป็นนักเตะในทีมชุดใหญ่ของ บาร์เซโลน่า ก็ไม่ได้ไกลจนเกินไป ทว่าบางรายต่อยอดจนกลายเป็นหนึ่งในตำนานของสโมสร แต่ในบางคนก็มีเส้นทางที่แตกต่างออกไป ต้องเก็บกระเป๋าย้ายออกจากทีม บ้างก็ไปประสบความสำเร็จกับทีมอื่นๆ บ้างก็ต้องกลายเป็นแข้งพเนจรโยกย้ายทีมเป็นว่าแล่น ซึ่ง เจฟเฟรน ซัวเรซ คือหนึ่งในนั้นที่กลายเป็นนักเตะที่ผ่านการโยกย้ายมาแล้วหลายสโมสร ก่อนมาปักหลักกับฟุตบอลไทยที่กำลังจะเข้าสู่ขวบปีที่ 3 พร้อมทีมใหม่อย่างเชียงใหม่ ยูไนเต็ด ว่าแล้ววันนี้เราจะไปพูดถึงหัวหอกวัย 35 ปี รายนี้กันว่าทำไมเขาถึงอยู่ค้าแข้งในเมืองไทยได้หลายปี แตกต่างไปจากนักเตะต่างชาติชื่อดังรายอื่นๆ ที่เข้ามาแปปเดียว ก็โบกมือลาออกไป
ร่วมงานเหล่ายอดแข้ง
อย่างที่กล่าวไปช่วงต้นว่า เจฟเฟรน ซัวเรซ คือหนึ่งในนักเตะที่เติบโตมาจากอคาเดมี่ของ บาร์เซโลน่า ก่อนได้รับโอกาสก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ครั้งแรก พร้อมโอกาสประเดิมสนามในปี 2006 ในบอลถ้วย โกปา เดล เรย์ ในช่วง 5 นาทีสุดท้ายของเกม เกมในวันนั้น บาร์ซ่า พบกับ บาดาโลน่า ซึ่งพวกเขาถล่มไปย่อยยับ 5-0 ส่วน เจฟเฟรน ได้ลงสนามแทนที่ของ ฮาเวียร์ ซาวิโอล่า ถือว่าเป็นการนับ 1 อย่างเป็นทางการในทีมชุดใหญ่ของทีม โดยวันนั้นเจ้าตัวเพิ่งมีอายุเพียง 18 ปี เท่านั้น
ส่วนการประเดิมสนามในศึกลาลีกาเจ้าตัวต้องรอไปอีกนานร่วมๆ 3 ปี โดยเป็น เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นผู้เปิดโอกาส ส่งลงสนามเป็นตัวสำรองในช่วงท้ายซีซั่น 2008-09 ซึ่งในเกมดังกล่าว เจฟเฟรน ลงเล่นในช่วง 6 นาทีสุดท้าย ไปแทนที่ของ เปโดร โรดิเกวซ จากนั้นโอกาสที่เปิดประตูต้อนรับเขาอยู่เรื่อยๆ รวมแล้วเจ้าตัวลงสนามให้กับ บาร์เซโลน่า ไปทั้งหมด 34 เกม ทำไปได้ 3 ประตู หนึ่งในนั้นคือการซัลโวประตู เรอัล มาดริด ในปี 2010 ได้ด้วยซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นจำนวนที่ไม่น่าพอใจ แต่ส่วนใหญ่โอกาสของ เจฟเฟรน คือตัวสำรองข้างสนาม ส่วนหนึ่งในตอนนั้นเกมรุกของ บาร์ซ่า เต็มไปด้วยเหล่าหัวกะทิไม่ว่าจะเป็น ลิโอเนล เมสซี่, ดาบิด บีย่า, เปโดร โรดริเกวซ หรือ โบยาน เกอร์กิช
จอมพเนจร
หลังย้ายออกจากถิ่น คัมป์ นู เจฟเฟรน เริ่มถูกจัดอยู่ในหมวดแข้งพเนจรในทันที เพราะอยู่ทีมไหนได้ไม่ค่อยนาน ซัมเมอร์ 2011 เจ้าตัวย้ายไปร่วมทัพ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ในลีกโปรตุเกส ด้วยค่าตัว 3 ล้านยูโร แต่ก็อยู่ได้เพียง 2 ฤดูกาล พร้อมสถิติที่ไม่ค่อยโสภาเท่าไหร่นักผลิตไปได้เพียง 5 ประตู จาก 39 เกมจากนั้นชีพจรลงเท้าย้ายกลับไปเล่นในสเปนกับ เรอัล บายาโดลิด แถมพาทีมตกชั้นจากลาลีกา ในเล่นในลีกรอง ผลงานส่วนของ เจฟเฟรน ก็ยังคงไม่ค่อยดีนัก จนเป็นที่มาของการโยกย้าย และเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ยูเปีย คือสโมสรที่เขาย้ายไปร่วมงานด้วยช่วงปี 2015 ก็อยู่ได้เพียง 2 ซีซั่นก็แยกย้าย ก่อนมาเป็น กราสฮ็อปเปอร์ ทีมในลีกสวิตเซอร์แลนด์ ดึงตัวไปร่วมงาน แต่ก็ยังคงมาตรฐานเดิมอยู่ได้ 2 ปี ต้องเก็บกระเป๋าอีกครั้ง ไปเปิดตัวเป็นสมาชิกใหม่ของ เออีเค ลานาคาร์ ในลีกไซปรัส ครั้งนี้ห้วงเวลาสั้นกว่าเดิมเพียง 6 เดือน เท่านั้น
หลังจากนั้นก็เป็น สลาเวน เบลูโป ทีมในโครเอเชีย 2 ปี ถัดมาย้ายมาเล่นในเอเชียกับ อัล ดาอิด ทีมในสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ก่อนมาหาประสบการณ์ใหม่ๆ ในเมืองไทยกับ ลำพูน วอริเออร์ ก่อนต่อด้วย เชียงใหม่ ยูไนเต็ด จากไทม์ไลน์ที่ไล่เรียงใมาจะสังเกตเห็นว่า เจฟเฟรน มักอยู่กับทีมสโมสรไหนไม่ค่อยยืดยาว เต็มที่ไม่เกิน 2 ฤดูกาล และที่น่าสนใจคือนับตั้งแต่ย้ายออกจกา สปอร์ติ้ง ลิสบอน เมื่อปี 2014 เขาไม่เคยมีค่าตัวแม้แต่ครั้งเดียวตลอดการย้ายทั้งหมด 8 สโมสร
ผลงานในเมืองไทย
ด้วยโปรไฟล์ที่ผ่านมาถือว่าเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ที่ เจฟเฟรน เลือกมาค้าแข้งในเมืองไทยกับ ลำพูน วอริเออร์ ทั้งที่ตอนนั้นทัพ ราชันโคขาว เป็นเพียงสโมสรในลีกรองเพียงเท่านั้นแน่นอนด้วยประสบการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาเขาสามารถเข้ามายกระดับ ลำพูน ได้แน่ เพราะด้วยเป้าหมายของทีมที่ชัดเจนคือการเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุด บวกกับความเชื่อมั่นในตัวผู้บริหารของทีมในตอนนั้น “ตอนที่มีข้อเสนอเข้ามา จากลำพูน ตอนนั้นผมอยู่ที่ดูไบ มีสโมสรอื่นๆ ต้องการตัวผมเหมือนกัน แต่ประธานสโมสรมาคุยกับผม บอกว่าเขาเชื่อมั่นในตัวผม สิ่งสำคัญที่นักฟุตบอลต้องการคือเขาเชื่อมั่นในตัวของเราจริงๆ สิ่งสำคัญที่สุดในการเล่นฟุตบอลของคือการหาสโมสรดีๆ ที่เชื่อมั่นในตัวของพวกเรา”
ฤดูกาลแรกในเมืองไทยเจ้าตัวพา ลำพูน เวอร์ลิเออร์ เลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดได้สำเร็จ พร้อมผงาดแชมป์ศึกไทยลีก 2 มาครอง ซึ่งเจ้าตัวทำไปได้ 12 ประตู ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดต่อฤดูกาลที่ทำได้ตลอดอาชีพการค้าแข้งของตนเองส่วนขวบปีที่ 2 บนเวทีไทยลีก ด้วยอาการบาดเจ็บทำให้โอกาสลงสนามของเจ้าตัวไม่ค่อยสม่ำเสมอมากนัก แต่ก็เป็นจิ๊กซอว์สำคัญพาทีมอยู่รอดต่อไปบนลีกสูงสุดก่อนหมดสัญญา และโดดไปร่วมทีม เชียงใหม่ ยูไนเต็ด แบบฟรีเอเยนต์ (อีกครั้ง)
ฟุตบอลไทยในมุม เจฟเฟรน
สเปน, โปรตุเกส หรือ สวิตเซอร์แลนด์ เจฟเฟรน ผ่านเวทีระดับนี้มาหมดแล้ว พร้อมได้ร่วมงานกับนักเตะชื่อดังมากมาย ซึ่งการย้ายมาค้าแข้งในไทยย่อมพบเจอความแตกต่างจากเดิมพอสมควร ซึ่ง เจฟเฟรน เคยได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ที่ ลำพูนฯ ทุกอย่างมันไม่เหมือนกับที่ยุโรปเลย และยิ่งเรามาเล่นกับสโมสรที่อยู่ในลีกระดับรองอย่างไทยลีก 2 ด้วยมันยิ่งต่างกันมาก ลำพูนฯ เป็นสโมสรที่เลื่อนชั้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แน่นอนถ้าพูดตามตรง พวกเขายังต้องพัฒนาในอีกหลายๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัดการภายในสโมสร เรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ แต่ผมก็ภูมิใจที่เข้ามา และได้มีส่วนร่วมกับทีม รวมถึงได้เห็นสโมสรแห่งนี้พัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ”
ถอดรหัสจากคำพูดของ เจฟฟเฟรน ชัดเจนว่าฟุตบอลไทยยังมีอะไรอีกมากให้พัฒนา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันกำลังเดินมาถูกทาง เพียงแต่ทุกคนต้องร่วมมือไปพร้อมๆ กัน ส่วน เจฟเฟรน เอง การเลือกอยู่ในไทยต่อเป็นปีที่ 3 น่าจะพอบ่งบอกได้ว่าเขาปรับตัว และสามารถเข้าร่วมกับฟุตบอลในบ้านเราได้แบบสบายๆ และฤดูกาลหน้าเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ของเขาอีกครั้งในการพา เชียงใหม่ ยูไนเต็ด เลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุด เหมือนที่เขาเคยประสบการณ์ความสำเร็จมาก่อนหน้านี้
คอนเทนต์เพิ่มเติม :: ฟุตบอลคอนเทนต์
ติดตามผลบอลสดเพิ่มเติม :: liverscore888th
ติดตามบทวิเคราะห์บอลเพิ่มเติม :: วิเคราะห์บอลวันนี้