เอเด็น อาซาร์ : ดีลที่น่าผิดหวังของ เรอัล มาดริด
เอเด็น อาซาร์ : ดีลที่น่าผิดหวังของ เรอัล มาดริด
ในช่วงซัมเมอร์ 2023 ของ เรอัล มาดริด ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของนักเตะมากพอสมควร โดยเฉพาะทางฝั่งขาออกที่มีการประกาศออกมาจากอย่างทางการแล้ว 4 ราย ประกอบไปด้วย มาเรียโน่ ดิอ๊าซ, มาร์โก อเซนซิโอ้, คาริม เบนเซม่า และ เอเด็น อาซาร์ ซึ่งในคลิปวันนี้เราจะมาพูดถึงแข้งชาวเบลเยียมอย่าง อาซาร์ กัน เพราะนี่คือหนึ่งในดีลยอดเยี่ยมของทัพ ราชันชุดขาว ในรอบหลายปีเลยก็ว่า จากความคาดหวังในเรื่องของผลงานในสนาม ค่าตัวที่ทีมทุบคลังจ่ายออกไป กลายเป็นการตำน้ำพริกละเลยแม่น้ำ ไร้ซึ่งการคุ้มค่าแม้จะยูโรเดียว
เริ่มโด่งดังที่ฝรังเศสกับ ลีลล์
ย้อนกลับสมัยที่ อาซาร์ ยังคงเป็นดาวรุ่งชื่อของเขากลายเป็นแข้งที่ได้รับการจับตามองมากเหลือเกินจากผลงานที่รังสรรค์ไว้ในยูนิฟอร์มของ ลีลล์ นับวันนักเตะรายนี้ยิ่งเฉิดฉายผลงานยกระดับฝีเท้ามากขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งถึงช่วงซัมเมอร์ 2012 ที่ อาซาร์ ได้รับความสนใจจากทีมใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ เชลซี ที่อยากได้ตัวไปยกระดับทีม กระทั่งท้ายที่สุดนักเตะเลือกมาหาประสบการณ์ใหม่กับทัพ สิงห์บลูส์ ด้วยค่าตัวราว 32 ล้านปอนด์ ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่ได้สูงมากนักเมื่อเทียบกับผลงานที่เจ้าตัวแสดงออกมา ยิ่งกับซีซั่นสุดท้ายกับ ลีลล์ ที่สอยไปได้ถึง 22 ประตู กับอีก 22 แอสซิสต์
กลายมาเป็นเดอะแบกของ เชลซี เต็มตัว
แน่นอนว่า อาซาร์ ในเวอร์ชั่นกับ เชลซี เจ้าตัวยังคงทรงพลังกลายเป็น เดอะ แบก ของแผงเกมรุก ซึ่งอาจจะมีดร็อปลงไปบ้าง แต่ภาพรวมต้องยอมรับว่าเลยเขาคือหนึ่งผู้เล่นที่แฟนบอล สิงห์บลูส์ รัก และหวงมากที่สุดเลยก็ว่าได้ ตลอดระยะ 7 ปี ในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ อาซาร์ กวาดโทรฟี่แชมป์มาครองแทบจะครบทุกรายการ ยกเว้นเพียง แชมเปี้ยนส์ลีก แต่ปีสุดท้ายก็ยังปิดฉากด้วยการคว้า ยูโรปา ลีก มาให้แฟนบอล ซึ่งในเกมรอบชิงชนะเลิศที่พบกับ อาร์เซน่อล เจ้าตัวเหมา 2 ประตู กับ 1 แอสซิสต์ จากชัยชนะ 4-1
มาล้มเหลวไม่เป็นท่ากับราชันชุดขาว
ก่อนที่จะโบกมือลาย้ายมา เรอัล มาดริด ที่กำลังต้องการตัวเขาอยู่พอดีพร้อมกับการย้ายค่าตัวเบื้องต้นที่ 100 ล้านยูโร บวกกับค่าเหนื่อยที่สูงถึงสัปดาห์ละเกือบๆ 300,000 ยูโร แน่นอนด้วยผลงานที่ผ่านมา ด้วยค่าตัวที่ระดับมหาศาลความกดดันคือส่วนหนึ่งที่ อาซาร์ ต้องเจอ แต่ที่มากกว่านั้นคือผลงานในสนามที่ต้องออกมาในระดับที่เรียกได้ว่า “เพอร์เฟค” ทว่าบางทีความฝัน กับความจริง ย่อมมีเส้นบางๆ ขีดคั่นเอาไว้ อาซาร์ ในสีเสื้อ ราชันชุดขาว ล้มเหลว และน่าผิดหวังในทุกแง่มุม ถ้าแบ่งแยกเป็นหัวข้อใหญ่ๆ คงได้ราว 3 ประเด็นที่แตกแขนงออกไปดังนี้ …
ประเด็นแรก - สไตล์การเล่น
ย้อนกลับไปสมัยค้าแข้งกับ เชลซี ดาวเตะรายนี้มีอิสระมากเหลือเกินในการสร้างสรรค์เกม โอเคแหละว่าตามตำแหน่งคือเล่นเป็นตัวริมเส้น คอยลากเลื้อยสร้างความปั่นป่วนคู่แข่งก่อนลงเอยด้วยประตู หรือแอสซิสต์ให้เพื่อนจบสกอร์ แต่ด้วยความที่โค้ชให้อิสระแบบรอบด้านเราจึงจะเห็น อาซาร์ บางทีก็วิ่งวนทั่วไปในทุกพื้นที่ ขยับเข้าในไปรับบอลคอยเชื่อมเกม หรือในบทบาทหน้าต่ำก็เคยลงเล่นมาบ้าง ทำให้เจ้าตัวไม่มีกรอบมากนัก และดูเป็นสไตล์ที่เขาเองก็ค่อนข้างถนัดในแนวทางแบบนี้
ทว่ากับ เรอัล มาดริด บทบาทของเขาแตกต่างออกไป ต้องเล่นในรูปแบบที่เป็นตัวริมเส้นแบบจ๋าๆ คอยโจมตีคู่แข่งบริเวณริมเส้นเพียงอย่างเดียว มิติที่เคยมีก็อาจหายไป แน่นอนจุดนี้จะไปโทษกุนซือ หรือแท็กติกไม่ได้ เพราะต่างสโมสร ย่อมมีแนวทางที่ต่างกันออกไป ซึ่งนี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ผลงานของ อาร์ซาร์ ไม่ค่อยวูบวาบมากนักเมื่อได้โอกาสลงสนาม แม้ลีลายังมี ศักยภาพยังได้ แต่ก็ด้วยเหตุผลฟุตบอลที่จะเป็นหน่วยวัดว่าสไตล์ที่แตกต่างทำให้ความลงตัวที่คาดหวังมันผิดแปลกไปจากเดิม
ประเด็นที่สอง - อาการบาดเจ็บ
หนึ่งในปัญหาใหญ่ที่พา อาซาร์ มีผลงานที่ถดถอยคือเรื่องของสภาพร่างกาย ตลอด 4 ฤดูกาลกับ เรอัล มาดริด เจ้าตัวลงสนามไปเพียง 76 เกมเท่านั้น และใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการกับรักษาตัวในโรงหมอ เดี๋ยวเจ็บกล้ามเนื้อ, หัวเข่า, สะโพก หรือ เอ็นร้อยหวาน กลายเป็นแทบจะทั่วร่างกาย ในซีซั่นที่ อาซาร์ ย้ายมาร่วมทีมเจ้าตัวเจ็บจนพลาดการลงสนามไปมากถึง 24 เกม พักรักษาตัวไปทั้งหมด 105 วัน ฤดูกาลถัดมาพลาดการลงสนามไป 33 เกม ส่วนขวบปีที่ 3 พลาดไป 15 นัด ถือว่าเป็นจำนวนที่มากเหลือเกิน และชัดเจนว่าทีมไม่อาจใช้ได้เขาได้แบบเต็มอัตรานัก
ซึ่งในซีซั่นนี้สภาพร่างกายดีขึ้น เจ็บน้อยลง ทว่าด้วยศักยภาพที่ไม่เหมือนเดิม บวกกับพื้นที่ริมเส้นทางฝั่งซ้าย วินิซิอุส จูเนียร์ ได้จองพื้นที่ไว้แล้ว ทำให้โอกาสของ อาซาร์ ลดน้อยตามไปด้วย ฤดูกาลนี้ดาวเตะวัย 32 ปี เพิ่งได้โอกาสลงสนามไปเพียง 10 เกมเท่านั้น ซึ่งในจำนวนนั้นเป็นตัวจริงเพียง 4 เท่านั้น ซึ่งประเด็นนี้ คาร์โล อันเชล็อตติ ได้ออกมาให้เหตุผลว่า “ทำไมเขาถึงไม่ได้ลงสนาม? ก็เพราะมีการแข่งขันแย่งตำแหน่งที่สูง และตำแหน่งของเขาก็มีนักเตะที่ช่วยทีมได้เยอะ ซึ่งก็คือ วินิซิอุส” นั่นแหละครับ เมื่ออาการบาดเจ็บรบกวน ผลงานย่อมดร็อป ความสม่ำเสมอหายไป และมีคนใหม่เข้ามาแทนที่
ประเด็นสุดท้าย - ชีวิตนอกสนาม
ผลงานในสนามย่ำแย่ ชีวิตโดนอาการบาดเจ็บเล่นงาน แถมเรื่องราวนอกสนามก็ชวนให้แฟนบอลปวดหัวกับ อาซาร์ หนักมากขึ้นไปอีก คือการดูแลสภาพร่างกายของตนเอง ครั้งหนึ่ง อาซาร์ ลงสนามช่วงปรีซีซั่นให้กับ เรอัล มาดริด ด้วยรูปร่างที่ลงพุงแบบชัดเจน ซึ่งเข้าใจได้ว่าช่วงปิดฤดูกาลนักเตะบางคนก็คงปล่อยตัวเต็มที่ซัดของที่อยากกินหลังกรำศึกหนักมาตลอด 9 เดือน ทว่ากับ อาซาร์ ดูเหมือนจะเกินลิมิตมากไปหน่อย จนกลายเป็นเสียงวิจารณ์ที่ถาโถม ซึ่งครั้งหนึ่ง อาซาร์ ได้ออกมายอมรับว่าตนเองเป็นคนที่รักการกินแฮมเบอร์เกอร์เอามากๆ จนแม็คโดนัลถึงขั้นเอาเขาไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ ทำเอาแฟนบอล เรอัล มาดริด ไม่ปลื้มเลยทีเดียว
แน่นอนว่ามันอาจเป็นเรื่องนอกสนามที่ดูหยุมหยิม แต่จะบอกว่าด้วยความเป็นนักเตะอาชีพ สิ่งเหล่านี้คือเรื่องที่ควรจะต้องทำ อันไหนเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง หรือถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ควรอยู่ในพื้นฐานที่เหมาะสม สรุปง่ายๆ เลยคือตลอดระยะเวลาของ อาซาร์ กับ เรอัล มาดริด แทบจะไม่มีความทรงจำที่ดีต่อกันเลย แถมเหมือนนักเตะที่แฟนบอลลืม… ลืมว่ายังคงอยู่กับทีม จากค่าตัวมหาศาล สู่ความคาดหวังที่จะยกระดับทีม แต่กลับล้มเหลวทั้งตัวบุคคล และการลงทุน แม้ทีมจะร่ำรวยล้นฟ้า แต่นี่คือการลงทุนที่สูญเปล่ามากที่สุดครั้งหนึ่งของสโมสร ซึ่งยืนยันได้ชัดเจนคือเมื่อทีมแยกทางกับ อาซาร์ จะมีเงินเหลือใช้อยู่ที่ราว 7 ล้านยูโร เลยทีเดียวน่าสนใจหลังจากนี้ อาซาร์ จะเลือกเดินทางในรูปแบบไหน และทีมใดจะกล้าทุ่มคว้าตัวไปร่วมทีม จากนักเตะมูลค่าทะลุหนึ่งร้อยล้าน สู่ฟรีเอเยนต์ที่ไม่รู้อนาคตจะออกมาในเหลี่ยมมุมไหน
คอนเทนต์เพิ่มเติม :: ฟุตบอลคอนเทนต์
ติดตามผลบอลสดเพิ่มเติม :: liverscore888th
ติดตามบทวิเคราะห์บอลเพิ่มเติม :: วิเคราะห์บอลวันนี้