เมสัน เมาท์ : ความคลุมเครือในรั้วสีน้ำเงิน
เมสัน เมาท์ : ความคลุมเครือในรั้วสีน้ำเงิน
ถึงตอนนี้ เมสัน เมาท์ ยังปฏิเสธกระดาษสัญญาทุกฉบับที่ เชลซี หยิบยื่นให้แม้หัวใจจะเป็นสีน้ำเงิน อยู่กับสโมสรมาตั้งแต่ 6 ขวบ เคยเมินเฉยกับข้อเสนอชั้นดีจากบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ เพื่อ “เล่นแล้ว เล่นอยู่ เล่นต่อ” ในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ แต่ปัจจุบันขณะความคิดของกองกลางวัย 24 ได้เปลี่ยนไปเจ้าตัวอาจไม่เคยงอแง เรียกร้องเรื่องการ “ย้ายทีม” ทว่าการปฏิเสธสัญญาหลายต่อหลายครั้งจากสโมสร ทำให้ เชลซี เครียด ไมเกรนขึ้นถึงขั้นเอาตีนก่ายหน้าผาก สัญญาฉบับล่าสุดที่ เมาท์ เซ็นไว้คือเมื่อปี 2019 ระยะเวลา 5 ปี ค่าเหนื่อย 75,000 ปอนด์/สัปดาห์ ซึ่งเป็นตัวเงินไม่สูงนัก หากเทียบกับเกรดของเชลซี เพราะช่วงเวลานั้น เมาท์ เป็นเพียง “ดาวรุ่ง” ที่ แฟรงค์ แลมพาร์ด เพิ่งดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่
เมาท์เป็นกำลังสำคัญกับเชลซีมาโดยตลอด
เอาเข้าจริง “จังหวะชีวิต” มีส่วนให้ เมาท์ ได้สัญญาฉบับนี้ด้วย เพราะ เชลซี ในเวลานั้นถูกลงโทษ ห้ามลงทะเบียนผู้เล่นใหม่ จึงไม่สามารถจ่ายตลาดซื้อนักเตะได้แลมพาร์ด จึงดึง เมาท์ ที่รู้มือรู้ใจกันเป็นอย่างดีสมัยตอนทำงานร่วมกันอยู่ ดาร์บี เคาน์ตี กลับมาจากสัญญายืมตัว และจับลงทะเบียนกับ เชลซี ในนามทีมชุดใหญ่ จากนั้นเขากลายเป็นกำลังสำคัญให้ทีมมาตลอด ซึ่งสัญญาที่จรดปากกาเซ็นในวันนั้น กำลังจะหมดในอีก 1 ปี
สาเหตุแรก เมาท์ ต้องการค่าเหนื่อเท่า เจมส์
เชลซี แม้จะเปลี่ยนผ่านกุนซือหลายต่อหลายคน แต่สโมสรชัดเจนมาตลอดว่าต้องการ “ต่อสัญญา” กับ เมาท์ แต่ก็ถูกปฏิเสธอยู่ร่ำไป ถามว่าอะไรคือสาเหตุที่ เมาท์ ไม่ยอมเซ็นสัญญา สื่อแดนผู้ดีหลายคนได้วิเคราะห์เจาะลึกถึงปัญหานี้ไปต่าง ๆ นานาเหตุผลแรกผู้สื่อข่าวเชื่อว่า เมาท์ ไม่พอใจกับค่าเหนื่อยที่ได้รับ จากการอัปเดตสัญญาฉบับใหม่ เขาต้องการได้เม็ดเงินไม่น้อยกว่าเพื่อนร่วมทีมอย่าง รีช เจมส์ มีข้อเปรียบเทียบว่า เจมส์ เพิ่งต่อสัญญาไปเดือน ก.ย. 2022 เซ็นระยะยาว 6 ปี ส่วนค่าเหนื่อยเพิ่มจากเดิมที่ได้ 58,000 / สัปดาห์ ขึ้นไปเป็น 250,000 ปอนด์ / สัปดาห์ ซึ่ง เมาท์ มองว่าเขาเองสมควรได้รับเม็ดเงินจำนวนนี้ไม่ต่างจากเพื่อนเช่นกัน แต่กลับถูกเสนอให้ไม่เท่าจำนวนนี้
หรือ เมาท์ ต้องการสัญญาในระยะยาว?
ขณะที่นักข่าวบางคน เสนอข้อมูลอีกด้านว่า เมาท์ ไม่ได้มีปัญหาที่ “ค่าเหนื่อย” แต่มีปัญหาที่สัญญาระยะยาวต่างหาก การเปลี่ยนผ่านเจ้าของทีมจาก โรมัน อับราโมวิช เป็น ท็อดด์ โบห์ลี มาพร้อมการเปลี่ยนแปลงแนวทางหลายอย่างในสโมสร 1 ในนั้นคือการพยายาม “ผูกขาด” สัญญานักเตะระยะยาวด้วยการเซ็นที 6-8 ปี ข้อดีของ “สัญญาระยะยาว” คือ สโมสรไม่ต้องกังวลใจเรื่องการเพิ่มค่าเหนื่อยให้นักเตะในอนาคต ต่างจากการเซ็นระยะสั้น 2-3 ปี เมื่อสัญญาใกล้หมด นักเตะเกิดโชว์ฟอร์มดี เป็นแกนหลัก สโมสรจะถูกบีบให้เพิ่มตัวเงินในสัญญาฉบับใหม่อีก สู้เซ็นทีเดียวยาว ๆ ไปดีกว่าซึ่งอาจทำให้ เมาท์ ไม่โอเคตรงจุดนี้
ฟอร์มดรอป นั่งสำรองบ่อย ก็มีส่วนให้น่าคิด?
อีกหนึ่งสาเหตุที่หลายสื่อวิเคราะห์กันคือ การเปลี่ยนผ่านในรั้ว สแตมฟอร์ด บริดจ์ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ทีมปัจจุบัน ผลงานทีมย่ำแย่ แนวทางการทำทีมยังไม่เป็นชิ้นอัน รวมไปถึงฟอร์มของ เมาท์ ที่ดรอปลงจากเดิมด้วยจากแข้งดาวรุ่งที่ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ 2 ฤดูกาลแรก เขาโดดเด่นจนได้รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปี จากการโหวตของแฟนบอล ล่วงผ่านมายันซีซั่นที่ผ่านมา ทำไป 13 ประตู 16 แอสซิสต์ แต่มาปีนี้เขาเพิ่งทำไป 3 ประตูกับ 6 แอสซิสต์ เท่านั้น หนำซ้ำหลายเกมยังถูกดรอปเป็นเพียงแค่ตัวสำรอง นับตั้งแต่ ท็อดด์ โบห์ลี เข้ามาบริหารทีม เขาพยายามเปลี่ยนผ่านทุกอย่างใน สแตมฟอร์ด บริดจ์ ไล่ตั้งแต่แนวทางทำทีม การกว้านซื้อผู้เล่นใหม่เข้ามามากมาย
ผู้จัดการทีมคนใหม่ก็ยังไม่ชัวร์ เกิดการเปลี่ยนแปลงเยอะ จนทำให้ เมาท์ และ เชลซี ในตอนนี้เละเทะไปหมด
จริงอยู่สถานะของ เมาท์ สามารถเล่นได้สารพัดประโยชน์ในตำแหน่งตัวรุก ไล่ตั้งแต่ เล่นบอลเพรสซิงได้ มีความขยัน จะเป็นกองกลางบ็อกซ์ทูบ็อกซ์ ก็ดี ขยับไปเล่นเกมรุกตามตำแหน่งธรรมชาติ รวมถึงเป็นตัวริมเส้นซ้ายขวา เขาสามารถเล่นได้หมด แต่รูปแบบการเล่นของโค้ชใหม่อย่าง แกรม พอตเตอร์ ในช่วงเวลานั้นไม่มีความแน่นอน ทดลองเปลี่ยนผ่านไปเกมต่อเกม ส่งผลให้โอกาสลงสนามเขาลดลง ฟอร์มการเล่นเองก็ไม่หวือหวาเหมือนเก่า ขณะที่ช่วงเปลี่ยนผ่านกลับมาใช้ แฟรงค์ แลมพาร์ด คุมทีมขัดตาทัพ เมาท์ ก็ดันมาบาดเจ็บซ้ำอีก
เชลซี ซื้อนักเตะมาเยอะทำให้โอกาสในการลงสนามของเมาท์ น้อยลง
เมื่อสูญเสียตำแหน่ง 11 คนแรกไป มองไปที่อนาคตเปอร์เซ็นต์การลงเล่นสม่ำเสมอก็อาจน้อย เพราะทีมมีผู้เล่นใหม่เข้ามาเพียบ ให้เลือกใช้งานมากมาย แถมเรื่องผู้จัดการทีมคนใหม่ยังไม่มีความแน่นอน เมื่อจับทุกเหตุผลมามัดรวมกัน ก็มีน้ำหนักพอทำให้ เมาท์ เลือกที่จะ “ไม่ต่อสัญญา” เมื่อสัญญาเหลือเพียง 1 ปี อย่าได้แปลกใจหาก เมาท์ จะตกเป็นข่าวกับหลาย ๆ สโมสร ที่พร้อมขนสินสอดมาแลกเพชรเม็ดนี้ไป ไม่ว่าจะเป็น ลิเวอร์พูล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวมถึง บาเยิร์น มิวนิค
รั้งไว้มีแต่เสียประโยชน์ทั้งสองฝ่าย แยกทางดีกว่าวินๆทั้งคู่
เชลซีก็รู้ดี ว่าต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เมื่อพยายามต่อสัญญาแล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่เป็นผล ทางออกที่ดีสุดสำหรับทุกฝ่ายคือการ “แยกทาง” เพราะหาก เชลซี เล่นเกมยื้ออนาคต เมาท์ ต่อไปอีกฤดูกาล ถึงตอนนั้นเมื่อเข้าสู่กฎบอสแมน เขาอาจจะเสียเด็กปั้นอนาคตไกลคนนี้ออกไปฟรี ๆ สู้ยอมหักดิบรับข้อเสนอจากทีมอื่นในตลาดซัมเมอร์นี้ แลกกับเงินสักก้อนดีกว่า
คอนเทนต์เพิ่มเติม :: ฟุตบอลคอนเทนต์
ติดตามผลบอลสดเพิ่มเติม :: liverscore888th
ติดตามบทวิเคราะห์บอลเพิ่มเติม :: วิเคราะห์บอลวันนี้