5 ปัจจัย : นาโปลีผงาดคว้าเซเรียอาครั้งแรกรอบ 33 ปี By Singsanam

5 ปัจจัย : นาโปลีผงาดคว้าเซเรียอาครั้งแรกรอบ 33 ปี

แม้จะทำได้เพียงบุกไปเสมอ อูดิเนเซ่ 1-1 ทว่า 1 แต้มจากดาเซีย อารีน่า ก็เพียงพอแล้วที่จะประกาศเสียงดังๆ ว่า แชมป์กัลโช่ เซเรีย อา ฤดูกาล 2022-23 ก็คือ “นาโปลี” ยอดทีมจาก “เนเปิ้ลส์” ยุติการรอคอยที่ยาวนานกว่า 33 ปี มันคือสคูเด็ตโต้ ครั้งแรกของพวกเขานับตั้งแต่ได้ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 1990 และเป็นแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 3 ของสโมสร

อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้ นาโปลี ประสบความสำเร็จในฤดูกาลนี้ วันนี้ทีมงาน สิงห์สนาม ขออนุญาตสวมบทกูรูวิเคราะห์ 5 เหตุผล ที่ทำให้ “อัซซูร่า” กลายเป็นทีมที่ดีที่สุดในลีกอิตาลี ชั่วโมงนี้

ปัจจัยที่ 1 : การซื้อขายที่ชาญฉลาด

ก่อนเริ่มต้นฤดูกาล นาโปลี ถูกปรามาสไว้ไม่น้อย ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นทีมเต็งแชมป์เลยด้วยซ้ำ เมื่อพวกเขาต้องเสียแกนหลักไปหลายรายในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ไล่ตั้งแต่ ลอเรนโซ่ อินซินเญ่, ดรีส เมอร์เท่นส์, คาลิดู คูลิบาลี่ และ ฟาเบียน รุยซ์

อย่างไรก็ตาม “อัซซูร่า” สามารถหาตัวแทนได้แบบไร้รอยต่อ ควิชา ควารัตสเคเลีย แข้งโนเนมจากจอร์เจีย, ฟรองก์ แซมโบ อองกีสซ่า ดาวเตะที่สอบตกในพรีเมียร์ลีก และ คิม มิน แจ แนวรับเกรดเอเชีย มีผลงานโดดเด่้นเป็นแกนหลักของทีมได้ทันที

นาโปลี ขาย คูลิบาลี่ กับ รุยซ์ ไปในราคารวม 63 ล้านยูโร แต่แบ่งมาซื้อ 3 คนนี้เพียง 43 ล้านยูโร งานนี้สโมสรได้ทั้งกำไร ได้ทั้งผลงานในสนาม บอร์ดบริหารของทีมซีซั่นนี้เอาไปเลย 10 คะแนนเต็ม

ปัจจัยที่ 2 : ทีมที่สมบูรณ์แบบที่สุดในลีก

หันไปดูตารางคะแนนแทบไม่แปลกใจเลยที่ นาโปลี จะประสบความสำเร็จในฤดูกาลนี้ นอกจากแต้มที่โกยทิ้งห่างผู้ตามแบบไกลสุดกู่ พวกเขาคือทีมที่มีเกมรุกและเกมรับเป็นอันดับ 1 ของลีกทั้ง 2 ทางด้วย นาโปลี ยิงไปแล้ว 69 ประตูในลีกมากกว่า อินเตอร์ ทีมอันดับ 2 ถึง 9 ประตู ขณะที่เกมรับเสียไปแค่ 23 ลูกน้อยกว่า ลาซิโอ 1 ประตู รวมๆ แล้วมีประตูได้เสียบวกถึง 46 ประตู มากกว่า “อินทรีฟ้าขาว” ถึง 18 ประตู

แนวรุกเอาแค่ วิคเตอร์ โอซิมเฮน กับ ควิชา ควารัตสเคเลีย ก็กินขาดทีมอื่นๆ โอซิมเฮน ซัดไป 22 ประตูนำเป็นดาวซัลโว พร้อมทำลายสถิติของ ซามูเอล เอโต้ เป็นนักเตะแอฟริกัน ที่ยิงประตูต่อซีซั่นมากที่สุดในเซเรีย อา

ส่วน ควารัตสเคเลีย ก็เป็นท็อปแอสซิสต์ของลีก ทำไปแล้ว 10 แอสซิสต์ แถมมีอีก 12 ประตู หากจะหานักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลดูแล้วชื่อที่เข้าชิงคงหนีไม่พ้น 2 คนนี้อย่างแน่นอน

ปัจจัยที่ 3 : คู่แข่งฟอร์มตกกันหมด

นอกจากฟอร์มที่ร้อนแรงของ นาโปลี แล้ว อีกประเด็นที่ทำให้การลุ้นแชมป์ เซเรีย อา ฤดูกาลนี้จบอย่างรวดเร็วก่อนฤดูกาลจะปิดลงถึง 5 เกม เป็นเพราะบรรดาคู่แข่งต่างนัดกันฟอร์มตกแบบไม่ได้นัดหมาย ยูเวนตุส ออกสตาร์ทุลักทุเล แถมช่วงกลางซีซั่นก็มีเรื่องตกแต่งบัญชีจนถูกหัก 15 แต้มก่อนได้คืนเมื่อเดือนก่อน อินเตอร์ กับ เอซี มิลาน ปีนี้เก็บแต้มตกไปเยอะ เทียบกับฤดูกาลก่อนพวกเขาโกยได้ถึง 71-72 แต้มเมื่อเล่นถึง 33 เกม

ลาซิโอ กลายเป็นทีมม้ามืดที่ขึ้นมาเป็นรองจ่าฝูง แต่ทีมของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ มาตรฐานก็ยังห่างจาก นาโปลี เยอะ ส่วน โรม่า ของ โชเซ่ มูรินโญ่ พูดกันตรงๆ ไม่ได้ใกล้เคียงกับสถานะทีมลุ้นแชมป์ลีกแต่อย่างใด

ปัจจัยที่ 4 : สปัลเล็ตติ ของจริง

การทำฟุตบอลให้ผลงานออกมาดีจริงอยู่ต้องอาศัยหลายปัจจัย ทั้งการบริหารงบประมาณของบอร์ดบริหาร การมีนักเตะฝีเท้าดีในทีม เช่นเดียวกับการมีกุนซือที่เก่งกาจ ซึ่ง ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ ตอบโจทย์นั้นได้อย่างยอดเยี่ยมนับตั้งแต่แยกทางกับ คาร์โล อันเชล็อตติ ผลงานของทีม “อัซซูร่า” ภายใต้การคุมทีมของ เจนนาโร่ กัตตูโซ่ พวกเขาเป็นเพียงทีมลุ้นพื้นที่ยุโรป แถมไม่ได้เล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ถึง 2 ปีติดต่อกัน

แต่การมาของ สปัลเล็ตติ ทำให้ นาโปลี กำลังตื่นตัวอีกครั้ง ปีแรกซ่อมพาทีมจบอันดับ 3 ได้ตั๋วไปเล่นยูซีแอล ส่วนปีสองไล่ล่าคว้าแชมป์ เซเรีย อา มาได้สำเร็จ น่าเสียดายที่ แชมเปี้ยนส์ลีก จริงๆ ก็ทำได้ดี แต่ก็มาพลาดพ่าย เอซี มิลาน ในรอบ 8 ทีม

แชมป์เซเรีย อา ครั้งนี้มีความหมายมากๆ นอกจากจะเป็นแชมป์แรกของ นาโปลี ในรอบ 33 ปี มันยังเป็นสคูเด็ตโต้ ครั้งแรกในฐานะกุนซือของ สปัลเล็ตติ อีกด้วย

ปัจจัยที่ 5 : ดั่งละครที่เขียนบทไว้ให้นาโปลีได้แชมป์

เหมือนโชคชะตาเขียนไว้ข้อสุดท้ายอาจไม่เกี่ยวข้องโดยตรง แต่ถ้าคนเชื่อโชคลาง เชื่อดวงชะตา มันก็จับพลัดจับผลูเอามาเชื่อมโยงได้เช่นกัน เมื่อทีมชาติอาร์เจนติน่า กับ นาโปลี ดันมาได้แชมป์สำคัญในช่วงเวลาที่ไล่เรียกันอีกครั้ง

อาร์เจนติน่า คว้าแชมป์โลก 1986 หลังจากนั้น 1 ปี นาโปลี ก็คว้าแชมป์เซเรีย อา ครั้งแรก ล่าสุด ลิโอเนล เมสซี่ นำทัพ “ฟ้าขาว” ชูถ้วยแชมป์เวิลด์ คัพ อีกครั้งเมื่อปลายปี 2022 ซึ่งอีก 6 เดือนถัดมา นาโปลี ก็ได้สคูเด็ตโต้ ด้วย

นาโปลี มีความผูกพันกับ อาร์เจนติน่า อยู่แล้ว โดยเฉพาะกับ ดิเอโก้ มาราโดน่า ที่ถูกเปรียบเทียบว่าเป็นเทพเจ้าของคนในเมืองนี้ หลังพาทีมคว้าแชมป์ลีกได้ถึง 2 สมัยในปี 1987 และ 1990 เรื่องน่าเสียดายอย่างเดียวสำหรับแฟนบอลคือความสำเร็จของทั้ง “ฟ้าขาว” และ “อัซซูร่า” ในขวบปีที่ผ่านมา “เสือเตี้ย” ไม่ได้เห็นความสำเร็จของทีมที่เขารักด้วยตาของตัวเอง

คอนเทนต์เพิ่มเติม :: ฟุตบอลคอนเทนต์

รับชมฟุตบอลออนไลน์ :: ดูบอลสด

ติดตามบทวิเคราะห์บอลเพิ่มเติม :: วิเคราะห์บอลวันนี้