แข้งสารพัดประโยชน์ : กองกลางก็ได้ ถอยไปเล่นหลังก็ดี
แข้งสารพัดประโยชน์ : กองกลางก็ได้ ถอยไปเล่นหลังก็ดี
เห็นผลงานของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ในเกมล่าสุดที่ ลิเวอร์พูล บุกไปถลุง ลีดส์ ยูไนเต็ด 1-6 ต้องบอกว่าเป็นยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก มีส่วนร่วมทำไปได้ถึง 2 แอสซิสต์ทว่าถ้าเจาะลึกลงไปในรายละเอียดในเกมดังกล่าว เทรนท์ ถูก เจอร์เก้น คล็อปป์ มอบหมายหน้าที่ขยับขึ้นไปเล่นเหมือนเป็นมิดฟิลด์ตัวกลางอีกคน ยิ่งหลังจบเกม Heat map บอกได้อย่างชัดเจนว่าฟูลแบ็ครายนี้ขยับไปเล่นตรงกลาง มากกว่าประจำการอยู่ทางฝั่งขวาเสียอีก ส่วนหนึ่งจุดเด่นของเขาคือการจ่ายบอล และเปิดบอลอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเมื่อมีการปรับเปลี่ยนบทบาทศักยภาพของเขาก็ดูดีไม่ใช่น้อย จนตอนนี้กลายเป็นกองหลังรายที่ 3 ที่สามารถแอสซิสต์ในพรีเมียร์ลีกแตะถึงหลัก 50 ครั้ง
5 แข้งสารพัดประโยชน์
ซึ่งถ้าเราลองไล่เรียงนักเตะในอดีตก็มีบางรายที่สลับตำแหน่งเล่นจากฟูลแบ็คไปยืนกองกลาง หรือจากกองกลางถอยลงมาเป็นเซ็นเตอร์ฮาร์ฟ และสามารถแจ้งเกิดได้อยู่หลายคน ว่าแล้วเราจึงจัดการคัด 5 แข้งที่สารพัดประโยชน์ในบทบาทที่เล่นกองกลางก็ได้ ถอยไปเล่นหลังก็ดี หรือเปลี่ยนตำแหน่งแล้วยอดเยี่ยม จะมีใครบ้างไปติดตามกันได้เลย
** ก่อนจะไปรับชมขอกล่าวไว้ก่อนนิดนึงว่าตัวเลือกทั้งหมดเป็นเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น และเน้นไปที่นักเตะที่ยังคงค้าแข้งอยู่ในปัจจุบัน **
คนแรก - เซร์จี้ โรแบร์โต้
ประเดิมคนแรกด้วยนักเตะที่เรียกได้ว่าสารพัดประโยชน์ของแท้ สามารถลงสนามเล่นได้ทั้งตำแหน่งกองกลาง หรือถอยมาเล่นในบทบาทฟูลแบ็คก็ถูกใช้งานอยู่บ่อยครั้งโดย โรแบร์โต้ ก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ บาร์เซโลน่า ในช่วงปี 2014 ในบทบาทมิดฟิลด์ตัวกลางเล่นได้ทั้งตัวเชื่อมเกม และตัวตัดเกม ทว่าจุดเปลี่ยนมาอยู่ที่ซีซั่น 2015-16 ภายใต้การทำทีมของ หลุยส์ เอ็นริเก้ เริ่มมอบหมายบทบาทที่แตกต่างไปจากเดิมคือแบ็คขวา
ทดแทนกันได้เป็นอย่างดี
แม้จะไม่ใช่ตัวเลือกแรกในตำแหน่งดังกล่าว ทว่าก็สามารถทดแทน หรือเป็นคนที่คอยสลับลงเล่นกับ ดานี่ อัลเวส ในช่วงนั้นได้เป็นอย่างดี แม้เรื่องของความเร็วอาจไม่ได้จี๊ดจ๊าด ไม่ได้มีลูกพลิกแพลงที่เพลินตา ทว่าสิ่งที่ เซร์จี้ แลกมาคือวินัย และเล่นได้ตามแผนของกุนซือ
สารพัดประโยชน์มาก
ปัจจุบัน เซร์จี้ โรแบร์โต้ ในวัย 31 ปี ยังคงเป็นนักเตะสารพัดประโยชน์ของ บาร์เซโลน่า ซึ่งในซีซั่นนี้ 30 เกมที่เจ้าตัวลงสนาม มากกว่าครึ่งคือการสวมบทบาทแบ็คขวา ฉะนั้นไม่แปลกที่แฟนบอลบางคนจะจำภาพเจ้าตัวในฐานะฟูลแบ็ค มากกว่ามิดฟิลด์เหมือนตอนที่เติบโตขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่
คนที่สอง - ดาบิด อลาบา
อีกหนึ่งนักเตะที่แปรเปลี่ยนบทบาทตำแหน่งไปตามสโมสรที่ค้าแข้ง อย่างปัจจุบันกับ เรอัล มาดริด ก็ยึดตัวจริงในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาร์ฟตัวเลือกแรกๆ ของทีม ย้อนกลับไปชื่อของ อลาบา เริ่มเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ภายใต้ยืมตัวจาก บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งในตอนนั้นบทบาทหลักคือการเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง อาจมีบ้างที่ถูกขยับไปยืนแบ็คซ้ายจำเป็น
เหมือนจะถนัดแบ็คซ้ายไปซะแล้ว
ทว่าหลังหมดสัญญายืมตัวกลับไปที่รังของ เสือใต้ บทบาทของ อลาบา เริ่มจับฉ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งมิดฟิลด์ตัวกลาง ตัวตัดเกม หรือ แบ็คซ้าย ก่อนที่ความชัดเจนจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ คือการยึดบทบาทแบ็คซ้ายตัวเลือกแรกของทีม
ทีมต้องการกองหลัง อลาบาจัดให้
กระทั่งจุดเปลี่ยนมาถึงอีกครั้งในช่วงฤดูกาล 2019-20 ฤดูกาลนั้นออกสตาร์ทไปได้ราวๆ 2-3 เดือน บาเยิร์น มิวนิค ประสบปัญหานักเตะในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาร์ฟ ทั้ง นิคลาส ชูเร่ กับ เยโรม บัวเต็ง ผลัดกันบาดเจ็บ ทำให้ ฮันซี่ ฟลิค เทรนเนอร์ของทีมในตอนนั้นผ่าทางตันด้วยการขยับ อลาบา เข้าไปเล่นเซ็นเตอร์ฮาร์ฟ ก่อนที่เจ้าตัวจะยึดตำแหน่งดังกล่าวไปแบบถาวร
กลายเป็นกองหลังอาชีพไปโดยปริยาย
ด้วยองค์ประกอบส่วนตัวความสูงที่ไม่เป็นรองเหล่ากองหน้า ความรวดเร็วของฝีเท้า หรือจังหวะเปิดเกมรุก อลาบา ทำได้อย่างยอดเยี่ยม จนกลายเป็นหนึ่งในเซ็นเตอร์ฮาร์ฟที่ไว้ใจได้เลยทีเดียว ซึ่งจากการปรับเปลี่ยนในวันนั้น อลาบา ก็กลายเป็นเซ็นเตอร์ฮาร์ฟอาชีพไปในทันที การย้ายไปเล่นให้ เรอัล มาดริด ก็กลายเป็นปราการหลังทางเลือกแรกของทีมในตอนนี้
คนที่สาม - เอ็มเร่ ชาน
กองกลางดีกรีไม่ธรรมดาคว้าแชมป์กับแทบทุกสโมสรที่ย้ายไปค้าแข้ง จากมิดฟิลด์ที่แจ้งเกิดด้วยโดดเด่นในเรื่องของการตัดเกม ไหวพริบที่ยอดเยี่ยม แถมออปชั่นการวางบอลที่แม่นยำทั้งในสีเสื้อของ เลเวอร์คูเซ่น, บาเยิร์น มิวนิค, ลิเวอร์พูล หรือ ยูเวนตุส เขาเป็นกองกลางมาโดยตลอด ทว่าการเปลี่ยนมาใส่สีเสื้อของ ดอร์ทมุนด์ ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งพอสมควร
แผงเกมรับเล่นได้หมด
อย่างที่กล่าวไปว่า ชาน เป็นมิดฟิลด์ที่ระดับมันสมองคนหนึ่ง ตัดเกมยอดเยี่ยม ฉะนั้น ลูเซียง ฟาฟร์ เทรนเนอร์ของ ดอร์ทมุนด์ เลยจัดการถอยให้มายืนเซ็นเตอร์ฮาร์ฟทางฝั่งขวาในรูปแบบปราการหลัง 3 คน แถมมีบางครั้งที่ขยับไปเล่นเป็นแบ็คขวา และซ้าย ตามหน้างานที่ต้องเจอคู่แข่งในแต่ละเกม
จะกลางหรือหลังก็เล่นได้สบายๆ
ส่วนในฤดูกาลนี้ ชาน ถูกปรับมาเล่นในตำแหน่งถนัดอีกครั้งคือตัวตัดเกม แต่ก็พร้อมถูกถอยไปเล่นเซ็นเตอร์ฮาร์ฟได้เหมือนกัน กลายเป็นนักเตะสารพัดประโยชน์ในแผงเกมรับของทีมในตอนนี้
คนที่สี่ - ดีแคลน ไรซ์
แข้งที่เนื้อหอมมากที่สุดในยุคปัจจุบัน ไรซ์ เติบโตขึ้นมาจากอคาเดมี่ของ เชลซี ในบทบาทปราการหลังตัวกลาง ก่อนย้ายไป เวสต์แฮม ยูไนเต็ด พร้อมโอกาสโชว์ผลงาน และฝีเท้าของตนเองจากเดิมที่เล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาร์ฟ เจ้าตัวถูกปรับขยับไปเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรับ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม การคอยยืนปัดกวาดอยู่หน้ากองหลัง แถมมีจังหวะวางบอลยาวๆ จากแดนหลังเป็นอีกออปชั่นเพิ่มเติมเสริมเข้ามา จนกลายเป็นมิดฟิลด์ตัวหลักของทีมชาติอังกฤษไปแล้ว
ปะแป้งแล้วเนื้อหอมมากๆ
ซึ่งด้วยความหลากหลาย และอายุที่ยังไม่เยอะ ฉะนั้นไม่แปลกที่หลายสโมสรต้องการอยากจะตัวเขาไปร่วมทีม เช่นเดียวกับเหล้ากูรูชื่อดังทั้งหลายที่สนับสนุนให้ ไรซ์ ย้ายออกจากทัพ ขุนค้อน เพื่อโอกาสพัฒนาตัวเอง และลุ้นคว้าความสำเร็จมาติดตัว
คนที่ห้า - โยชัว คิมมิช
นี่คือภาพชัดเจนของความเก่งรอบด้านในแผงหลังอย่างแท้จริง ถูกปรับขยับไปอยู่ตรงไหนก็สามารถปรับตัว และโชว์ศักยภาพที่ยอดเยี่ยมออกมาได้ คิมมิช แจ้งเกิดจากการเป็นนักเตะของ แอลเบ ไลป์ซิก ในตำแหน่งกองกลาง ก่อนย้ายมาสวมเครื่องแบบของทัพ เสือใต้ ซึ่งด้วยบทบาทช่วงแรกๆ ก็คือมิดฟิลด์ตัวตัดเกม พ่วงกับตัวที่คอยเชื่อมเกม ก่อนผงาดแบบเต็มกราฟด้วยตำแหน่งแบ็คขวาก่อนนำมาซึ่งประตู และแอสซิสต์เป็นกอบเป็นกำ
เป็นกองกลางตัวหลักของทีม
ปัจจุบันปักหลักเป็นมิดฟิลด์แบบถาวรของทีม และยังคงมีผลงานส่วนตัวที่ยอดเยี่ยม ซีซั่นนี้ลงสนามไปแล้ว 40 เกม กระทุ้งไป 5 ประตู พ่วงกับอีก 9 แอสซิสต์
ปีที่พีคที่สุดของเจ้าตัว
ส่วนปีที่พีคแบบสุดๆ คงต้องยกให้เมื่อฤดูกาล 2018-19 ที่ทำแอสซิสต์ไปได้ถึง 19 ครั้ง ในบทบาทแบ็คขวา ส่วนในขวบปีอืนๆ ก็มีแอสซิสต์ชนิดที่อย่างน้อย 10 ครั้งบวกๆ มาตลอด ฉะนั้นคงจะไม่มากจนเกิดไปในการยกย่องฝีเท้า และความสารพัดประโยชน์ พร้อมเข้าคอนเซ็ปต์ “รับก็ได้ รุกก็ดี” แบบเต็มๆ
คอนเทนต์เพิ่มเติม :: ฟุตบอลคอนเทนต์
รับชมฟุตบอลออนไลน์ :: ดูบอลสด
ติดตามบทวิเคราะห์บอลเพิ่มเติม :: วิเคราะห์บอลวันนี้