โรเมลู ลูกากู กองหน้าจอมยกนิ้ว
โรเมลู ลูกากู กองหน้าจอมยกนิ้ว
ชื่อเต็ม :: โรเมลู ลูกากู
วันเกิด :: 13 เดือน พฤษภาคม ค.ศ. 1993 (29 ปี)
สถานที่เกิด :: เบลเยียม
ส่วนสูง :: 193 เซนติเมตร
สัญชาติ :: เบลเยียม
ตำแหน่ง :: กองหน้า
สโมสรปัจจุบัน :: อินเตอร์ มิลาน
โรเมลู ลูกากู (Romelu Lukaku)
โรเมลู ลูกากู กองหน้าชาวเบลเยียมผู้น่าเกรงขาม ได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในฐานะหนึ่งในผู้ทำประตูที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในวงการฟุตบอลสมัยใหม่ เกิดเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 1993 ในเมืองแอนต์เวิร์ป ประเทศเบลเยียม ความโด่งดังของ ลูกากู เริ่มตั้งแต่อายุยังน้อย เขามีพรสวรรค์อันล้นเหลือและความมุ่งมั่นทุ่มเท ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ของเขาที่ อันเดอร์เลชท์ จนถึงผลงานที่โดดเด่นในลีกชั้นนำของยุโรปกับสโมสรต่างๆ เช่น เชลซี, เอฟเวอร์ตัน, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และอินเตอร์ มิลาน ลูกากูได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง ความเร็ว และความสามารถในการจบสกอร์ที่น่าทึ่งอย่างต่อเนื่อง
จุดเริ่มต้นเส้นทางลูกหนังของ ลูกากู
โรเมลู ลูกากู เริ่มอาชีพนักฟุตบอลเมื่ออายุ 16 ปี โดยเล่นให้กับทีมท้องถิ่นหลายแห่งใน เบลเยียม อย่าง อันเดอร์เลชท์ เปิดตัวในระดับอาชีพให้กับสโมสรก่อนที่จะเข้าร่วมอะคาเดมี่เยาวชน เขาฝึกฝนตัวเองอย่างหนัก และสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองเป็นหนึ่งในผู้เล่นอายุน้อยที่สุดในยุโรปอย่างรวดเร็ว ลูกากู ได้ลงเป็นตัวจริงให้ อันเดอร์เลชท์ ในฤดูกาล 2009-10 และยิงประตูแรกในเกมพบ ซูลเต้ วาเร เกมเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม โดยลงมาแทน คานู ก่อนจบฤดูกาล 2009 เขาซัดไปทั้งหมด 15 ประตูในตำแหน่งประตูลีกอาชีพ แถมเจ้าตัวยังสามารถยิงได้ถึง 4 ประตูในสนามยู โรปาลีก อีกด้วย เมื่อฤดูกาล 2010-2011 ถือเป็นฤดูกาลที่สร้างชื่อให้กับเขาอย่างเต็มตัวหลัง ลูกากู ซัดไปได้ถึง 20 ลูก แต่ทว่ามันก็ไม่เพียงพอที่จะพา อันเดอร์เลช คว้าแชมป์ได้สำเร็จ โรเมลู ลูกากู ยิงไปได้ทั้งหมด 33 ประตู จากการลงเล่น 73 นัดให้กับ อันเดอร์เลช ด้วยวัย 17 ปีเท่านั้น
ลูกากู กับการย้ายไปเชลซี
และในที่สุดเมื่อเดือนสิงหาคม 2011 ฝันกลายเป็นจริงสำหรับศูนย์หน้าร่างยักษ์รายนี้ เมื่อมีรายงานว่าทีมยักษ์ใหญ่จากศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อย่าง เชลซี ได้ทำการเซ็นสัญญากับดาวรุ่งร่างยักษ์ด้วยจำนวนเงิน 17 ล้านปอนด์ (ประมาน 912 ล้านบาท) ดึงตัวเขาไปร่วมทัพซึ่งแบ่งจ่ายเป็นงวดแรก 10 ล้านปอนด์ ก่อนที่จะเพิ่มให้ในภายหลังโดย ลูกากู จะได้รับเสื้อเบอร์ 18 และเซ็นสัญญายาวกันถึง 5 ปีด้วยกัน เกมแรกที่เขาเปิดตัวที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ สนามในฝันของเขานั้นเป็นการพบกับ นอริช โดยเขาถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองแทน เฟอร์นานโด ตอร์เรส ในนาทีที่ 83 ของเกม
ลูกากู กับชีวิตที่ไม่ค่อยราบรื่นกับ เชลซี
การเริ่มต้นลงสนามครั้งแรกของเขากับ เชลซี พบกับ ฟูแล่ม ในศึก คาราบาวคัพ ซึ่ง “สิงห์บลูส์” ชนะจุดโทษ การเริ่มต้นครั้งแรกของเขาใน พรีเมียร์ลีก พบกับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ซึ่งเขาได้รับรางวัล แมนออฟเดอะแมตช์ จากการทำแอสซิสต์ ให้ จอห์น เทอร์รี่ แต่ตอนนั้น เชลซี ใหญ่เกินกว่าจะใช้ศูนย์หน้าอย่างเขาเป็นกำลังหลักส่งผลให้ ลูกากู ไม่ค่อยได้รับโอกาสที่สมควรได้รับ เขาเล่นให้เชลซีไปเพียง 10 เกมโดยยิงประตูไม่ได้ก่อนที่จะถูกยืมตัวไป
ลูกากูกลับมาเกิดใหม่ที่ เวสต์บรอมวิช
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2012 เวสต์บรอมวิช ตัดสินใจยืมตัว ลูกากู จาก เชลซี เป็นเวลา 1 ฤดูกาล 8 วันต่อเขาได้ทำประตูแรกได้ เขาลงมาเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 77 ในเกมพบ ลิเวอร์พูล และเขาได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง และทำประตูในบ้านในเกมพบ เร้ดดิ้ง ลูกากู อยู่ที่ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน เหมือนเป็นการกลับมาเกิดใหม่ของเขา เพราะเขาสามารถทำประตูสำคัญได้มากถึง 17 ประตูจากการลงสนามทั้งหมด 35 นัด
การเดินทางของ ลูกากู กับ ทอฟฟี่สีน้ำเงิน
เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2014 เอฟเวอร์ตัน ตัดสินใจเซ็นสัญญากับ ลูกากู อย่างถาวร โดยตกลงที่จะจ่ายเงินสูงถึง 28 ล้านปอนด์ และมอบเสื้อหมายเลข 10 ให้กับศูนย์หน้าร่างยักษ์ การย้ายมารับตำแหน่งที่ กูดิสัน พาร์ค ครั้งนี้น่าจะเป็นเพราะเห็นว่าเขาไม่มีอนาคตกับสโมสรเก่าอย่าง เชลซี จริงๆ ประกอบกับ เอฟเวอร์ตัน มีเงินพอจ่าย และเงินเดือนของเขาเพื่อให้การลงนามครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่น เมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2557 ลูกากู ทำประตูแรกให้ เอฟเวอร์ตัน ในเกมที่พบกับ เวสต์บรอมวิช สโมสรเก่าของเขา ซึ่งเขาไม่ได้แสดงอาการดีใจแต่อย่างใด เพื่อเป็นการยกย่องสโมสร ลูกากู ลงเล่นให้ เอฟเวอร์ตัน ไปแล้ว 53 นัด ยิงได้ 23 ประตู
ชีวิตขาลงอีกครั้งที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
หลังจากนั้นในฤดูกาล 2017-2018 ลูกากู ได้เซ็นสัญญากับทีมยักษ์ใหญ่ในศึก พรีเมียร์ลีก อีกครั้งและรอบนี้เป็นการย้ายซบทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 75 ล้านปอนด์ เมื่อมาที่ทัพ “ปีศาจแดง” ด้วยความหวังว่าจะแทนที่ อิบราฮิโมวิช ลงเล่นไป 96 นัด ซัดไป 42 ประตูรวมทุกรายการ
กลับมาฉายแสงอีกครั้งที่ อินเตอร์ มิลาน
ก่อนจะย้ายไปร่วมทัพ อินเตอร์ มิลาน ในปี 2019 ด้วยค่าตัว 80 ล้านยูโร ซึ่ง ลูกากู ตัดสินใจย้ายออกจากทีม “ปิศาจแดง” เพราะ พอล ป็อกบา กับ อองโตนี มาร์ซิยาล ไม่ค่อยส่งบอลให้เขา และยังมีการแบ่งพรรคแบ่งพวกภายในทีมอีกด้วย ในช่วงเวลาที่เขาอยู่ในอิตาลี เขากลายเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในโลก ในการคว้าแชมป์ เซเรียอา ของ อินเตอร์ ในฤดูกาล 2020-21
ลูกากู กับการกลับไป เชลซี รอบสอง
และในที่สุด ลูกากู ก็ได้ตัดสินใจย้ายคืนสู่ถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ด้วยค่าตัว 97.5 ล้านปอนด์ ซึ่งทำให้เขาเป็นหนึ่งในการย้ายทีมที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล เขายังคงสร้างความประทับใจให้กับสโมสรอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้พวกเขาคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในฤดูกาล 2021-22 ด้วยการคุมทีมของ ทูเคิล เขาไม่แฮปปี้กับการย้ายมาสักเท่าไหร่ และได้มีปัญหาภายในห้องแต่งตัวและได้ขอย้ายกลับสู่ อินเตอร์ มิลาน
ลูกากู กลับมาอินเตอร์ มิลาน อีกครั้ง
“สิงห์บลูส์” ปล่อยตัว ลูกากู กลับไปให้ อินเตอร์ อีกครังด้วยสัญญายืมตัว 1 ฤดูกาล พร้อมกับมีค่ายืมตัว 8 ล้านยูโร ลูกากู ค่อนข้างมีความสุขกับการเล่นให้ทีมงูใหญ่ มากกว่าตอนสวมยูนิฟอร์มทีมสิงห์บลูส์ ขณะที่ อินเตอร์ มิลาน ก็พร้อมที่จะเจรจากับ เชลซี เพื่อขยายสัญญายืมตัวกองหน้าวัย 29 ปีรายนี้ออกไปอีก ไม่ว่าฟอร์มซีซั่นนี้จะเป็นอย่างไร สำหรับผลงานในฤดูกาลนี้ ลูกากู ลงสนามให้ อินเตอร์ มิลาน 3 นัดยิงได้ 1 ประตูในช่วงออกสตาร์ทฤดูกาล แต่หลังจากนั้น เจ้าตัวมีอาการเจ็บกล้ามเนื้อและพักยาวมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนสิงหาคม โดยคาดว่าจะกลับมาลงสนามได้อีกครั้งประมาณต้นเดือนตุลาคม
ติดตามประวัตินักฟุตบอลเพิ่มเติม :: ประวัตินักฟุตบอล
ขอขอบคุณแหล่งที่มาข้อมูล : wikipedia
Instagram : romelulukaku
facebook : Romelu Lukaku