แม้ชื่อของ โธมัส ทูเคิ่ล จะไม่ใช่กุนซือเกรดธรรมดา เป็นหนึ่งในกุนซือฝีมือดีที่มีชื่อพัวพันกับบรรดาทีมใหญ่ทั่วยุโรปมาโดยตลอด แต่ถ้าเจาะผลงานกันจริงๆ ต้องบอกว่าโปรไฟล์ก็ไม่ได้สวยหรูมากนัก
การสานต่อ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จาก เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ไม่ได้เป็นคู่ต่อกรที่สมน้ำสมเนื้อของ บาเยิร์น เพราะตลอด 2 ปีในถินซิกนัล อิดูน่า แย่งชิงความสำเร็จมาได้เพียงรายการเดียวก็คือ เดเอฟเบ โพคาล
พอย้ายไปคุมทีมเงินถังอย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ที่เป็นเต้ยในลีกฝรั่งเศส เพราะคุณภาพผู้เล่นกินคู่แข่งร่วมลีกแบบขาดกระจุย แต่สุดท้าย ทูเคิ่ล ก็ไม่สามารถการันตีแชมป์ลีกได้ทุกปี มีทำหลุดมือไป 1 ซีซั่นที่ถูก ลีลล์ ปาดหน้าไปแบบเจ็บแสบ
ตอนที่เข้ามารับงานกับ เชลซี ทางสโมสรก็แสดงท่าทีชัดเจนว่าไม่ได้ไว้ใจมากนัก ด้วยการให้สัญญาระยะสั้นเพียงแค่ 18 เดือน เทียบกับ แฟรงค์ แลมพาร์ด กุนซือคนก่อนวันเริ่มต้นก็ยังได้ถึง 3 ปี
อย่างไรก็ตามการทำงานในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ดูเหมือนจะเป็นจุดพีกที่สุดในอาชีพของ ทูเคิ่ล ก็ว่าได้ ทั้งๆ ที่โจทย์ในมือก็ไม่ง่าย เป็นกุนซือต่างชาติที่เข้ามากลางซีซั่น ต้องใช้ผู้เล่นเดิมๆ เสริมใครไม่ได้
แต่ทำไปทำมาดันพาทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แบบหน้าตาเฉย
สิ่งที่ต้องตบมือดังๆ คือการเล่นแร่แปรธาตุกับทรัพยากรเท่าที่มี การกล้าตัดสินใจเปลี่ยนระบบของทีมมาเล่น 3-4-2-1 ซึ่งมันคลิ๊กมากๆ กับผู้เล่นของ เชลซี ช่วยสร้างสมดุลทั้งรุกและรับได้อย่างลงตัว
โดยเฉพาะแนวรับที่เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน
– ยุคของ แลมพาร์ด เก็บคลีนชีตได้ 26 จากทั้งหมด 84 นัด เสียไป 116 เฉลี่ย 1.3 ประตูต่อนัด
– ยุคของ ทูเคิ่ล เก็บคลีนชีตได้ 31 จากทั้งหมด 55 นัด เสียไป 45 เฉลี่ย 0.8 ประตูต่อนัด
อีกประเด็นที่ได้รับคำชมอย่างมากก็คือเรื่องของค่าตัวที่ถูกเอาไปแซวว่าแผงแบ็กไฟว์ของ “สิงห์โตน้ำเงินคราม” ถูกกว่าค่าตัวของ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมจ่ายถึง 80 ล้านปอนด์เพียงคนเดียวเสียอีก
ทว่า ทูเคิ่ล กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาที่มีผลต่อทีมทั้งระยะสั้นและระยะยาว นั้นคือเรื่องการต่อสัญญา 4 แนวรับที่พาเหรดจะหมดสัญญาหลังจบฤดูกาลนี้ ไล่เรียงตั้งแต่ ติอาโก้ ซิลวา, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, อันโตนิโอ รูดิเกอร์ และ อันเดรส คริสเตนเซ่น
ระยะสั้นแน่นอนคือเรื่องของผลงานของทีมในฤดูกาลนี้ การปล่อยให้เวลาเดินไปเรื่อยๆ และไม่สามารถพูดคุยให้ลงตัวได้ พอเดือนมกราคมทั้งหมดจะสามารถเจรจากับทีมอื่นเพื่อรอย้ายทีมแบบไร้ค่าตัวในช่วงซัมเมอร์ได้ทันที
การมองหาอนาคตใหม่ให้กับตัวเอง การมีข่าวกับหลายๆ ทีม ยังไงก็ต้องมีผลต่อสมาธิในเกมแน่ๆ ซึ่ง เชลซี ทียังมีลุ้นถึง 5 รายการ โปรแกรมที่ถี่กว่าทีมอื่นๆ หากไม่นิ่งพออาจพาเหรดเป๋ยาวก็เป็นได้
ส่วนระยะยาวคือเรื่องของการหาตัวตายตัวแทน กรณีแย่ที่สุดคือต่อสัญญาใครไม่ได้เลย เท่ากับว่าซัมเมอร์นี้พวกเขาต้องหาแนวรับใหม่เข้ามาเสริมอย่างน้อยๆ 2-3 คน ซึ่งอาจต้องจ่ายหนักและไม่รู้ว่าจะต้องปรับตัวนานแค่ไหนกับระบบของ ทูเคิ่ล
ลองวิเคราะห์ความสำคัญของดีลทั้ง 4 ถ้าไล่เรียงดูแล้วน่าจะได้ตามนี้
– เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า น่าจะกระทบน้อยสุด เพราะปัจจุบันอายุ 32 ปี จำนวนเกมก็เริ่มน้อยลงเรื่อยๆ หลังเสียตำแหน่งวิงแบ็กขวาให้กับ รีช เจมส์ ขณะที่เซนเตอร์ฮาล์ฟฝั่งขวา เทโวห์ ชาโลบาห์ ก็กำลังมาแรง
– ติอาโก้ ซิลวา ถ้าดูจากอายุอานามที่ปาไป 37 ปีก็คงต้องเป็นช้อยส์ต่อมา แม้ผลงานในสนามจะยังยอดเยี่ยม ความเป็นผู้นำ การคุมเกมรับ การออกบอลที่ทำให้เพื่อนเล่นง่าย ถ้าเลือกได้จริงๆ อยู่ต่อย่อมดีกว่าเสียไป
– อันเดรส คริสเตนเซ่น ที่อาจไม่ใช่ตัวหลักในฤดูกาลนี้ แต่เวลาที่ถูกเลือกลงสนามเจ้าตัวก็ทำผลงานดีตลอด การพา เดนมาร์ก เข้าถึงรอบรองฯ ยูโร 2020 บวกกับอายุเพียง 25 ปี ที่ยังพัฒนาได้อีก ถ้าต้องเสียฟรีไปดูแล้วน่าเสียดายมากๆ
– อันโตนิโอ รูดิเกอร์ คือคนที่ถูกพูดถึงมากที่สุด เพราะในยุคของ โธมัส ทูเคิ่ล มีกูรูและอดีตนักเตะหลายรายยกให้เป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีกเวลานี้ ปัญหาเดียวของแนวรับทีมชาติเยอรมัน คือเรื่อง “เงิน” ที่เรียกมากขึ้นจนไม่ง่ายในการเจรจา แถมมี เรอัล มาดริด, บาเยิร์น และ ปารีส ที่แค่มีข่าวสนใจก็ทำราคาปั่นป่วนหนักข้อขึ้นไปอีก
เรื่องนี้เป็นปัญหารบกวนจิตใจของ ทูเคิ่ล อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตราบใดที่ยังไม่ได้คำตอบชัดเจน เขาต้องวนมาตอบเรื่องเดิมๆ ที่โดนนักข่าวจี้ซ้ำอยู่ตลอดเวลา เมื่อไม่นานมานี้ก็เหมือนจะหงุดหงิดเมื่อต้องพูดถึงดีลของ คริสเตนเซ่น ว่า
“เขาบอกกับเราว่าเขารักเชลซี และเขาต้องการอยู่ต่อ เขาเป็นส่วนหนึ่งของสโมสรใหญ่ และเราต้องการความชัดเจนจากเขา”
เช่นเดียวกับที่พูดถึง รูดิเกอร์ แบบสดๆ ร้อนๆ เมื่อวันก่อนว่า “มันจริงที่ไม่มีใครใหญ่กว่าสโมสร นี่คือความพยายามของทีม แต่มันไม่ได้หมายถึงแค่ โทนี่ ผมหมายถึงในทางที่ดีนะ เพราะเรารู้ว่าเขาทำอะไรอยู่ สุดท้ายแล้วเราต้องอดทน ผมยังไม่มีอะไรมาอัปเดตในตอนนี้”
ในเรื่องของผลงานในสนาม ทูเคิ่ล ต่อยอดจากซีซั่นก่อนได้อย่างยอดเยี่ยม จนได้รับการยกย่องให้อยู่ในระดับเดียวกับ ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ซิตี้ เป็นตัวเต็งแชมป์ทั้งพรีเมียร์ลีก และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
แต่น่าห่วงไม่น้อยจริงๆ ว่าปัญหาในมุ้งของ เชลซี กับ 4 กองหลังสำคัญจะจบอย่างไร และจะสร้างความกระทบกระเทือนต่อทีมแค่ไหน ในเมื่อเกมรับคือพื้นฐานของสมดุลในทีม และเป็นตำแหน่งที่เรื่องของ “ความเชื่อใจ” มันมาเป็นอันดับแรก