พาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ยืนยันไม่มีแผน ยกเลิกสัญญากับ การ์เลส โรมาโกซ่า ประธานฝ่ายพัฒนาเทคนิค รวมถึงบริษัท เอคโคโน่
ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับกระแสข่าวลือที่ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เตรียมยกเลิกสัญญากับ การ์เลส โรมาโกซ่า ประธานฝ่ายพัฒนาเทคนิค รวมถึงบริษัท เอคโคโน่ ล่าสุด “เลขาโจ” นายพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ข่าวดังกล่าวนั้นไม่ได้เป็นความจริงแต่อย่างใด ทั้งการ์เลส โรมาโกซ่าและบริษัท เอคโคโน่ ก็ยังคงทำงานให้กับสมาคมฯ อยู่ โดยสัญญาปัจจุบันจะหมดลงในปีหน้า ก็จะรอดูผลงานก่อนแล้วค่อยคุยเรื่องการต่อสัญญาใหม่ออกไป แต่ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงเรื่องนี้
นายพาทิศ กล่าวต่อว่า ตัวงานของการ์เลสนั้นแฟนฟุตบอลอาจจะไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก เพราะว่าการ์เลสนั้นเป็นนักวิชาการที่เข้ามาวางระบบต่างๆ ให้กับฟุตบอลไทย เหมือนอย่างที่ฟุตบอลสโมสรจะต้องมีผู้อำนวยการกีฬา หรือผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคที่ดูแลภาพรวมของทีมอีกครั้ง แต่คนที่เป็นโค้ชคุมทีมลงสนามนั้น เข้ามาทำทีม ถ้าผลงานไม่ดีก็ออกไป
“จริงๆ ตัวการ์เลสนั้นทำงานหนักมาก แต่มันเป็นงานเบื้องหลังล้วนๆ เรากำลังจะมีหลักสูตรสอนฟุตบอลที่เป็นของประเทศไทยเอง เพราะที่ผ่านมาเราใช้หลักสูตรของเอเอฟซีที่เป็นหลักสูตรกลางมาโดยตลอด แต่อย่างญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ เขามีหลักสูตรเป็นของตัวเองทั้งนั้น ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ไทยกำลังทำอยู่ รอกระบวนการรับรองจากเอเอฟซีเท่านั้น”
นายพาทิศ กล่าวเสริมว่า ในส่วนของ ซัลบาดอร์ บาเลโร่ การ์เซีย และทีมงานของเอคโคโน่ ปัจจุบันนอกจากเป็นเฮดโค้ชทีมชุดเล็ก ก็ยังมีหน้าที่รวบรวมข้อมูลนักเตะทีมชาติไทย พร้อมทั้งค้นหานักเตะที่มีพรสวรรค์ในแต่ละรุ่นอายุออกมา แบ่งเป็นลำดับ 1-2-3-4 ว่าใคร อย่างเช่นชุดยู-23 ที่เห็นนักเตะหน้าใหม่หลายๆ คน เป็นข้อมูลที่ทั้ง “โค้ชหระ” อิสสระ ศรีทะโร และเอคโคโน่เองช่วยกันรวมรวมมาเช่นกัน
นายพาทิศ กล่าวปิดท้ายว่า ตำแหน่งประธานเทคนิคนั้นเป็นตำแหน่งสำคัญที่ฟีฟ่าบังคับว่าจะต้องมี ถ้าหากไม่มีการ์เลสก็ต้องหาคนใหม่เข้ามาแทน ซึ่งการจะหาคนที่เข้ามาทำงานวิชาการ, ประสานงานกับฟีฟ่า มันก็มีคาแรคเตอร์แบบหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่โค้ชไทยเรียนมาเพื่อเป็นโค้ชข้างสนาม แต่ไม่ค่อยมีคนทำงานเบื้องหลังแบบนี้ ดังนั้นถ้าหาคนใหม่ก็อาจจะต้องเป็นในรูปแบบนี้เช่นกัน