fbpx

กรวีร์ ปริศนานันทกุล รักษาการประธานบริหารบริษัท ไทยลีก จำกัด เผย เตรียมเสนอแผนงานให้ ศบค. ในการจัดไทยลีก พร้อมเชื่อมั่น ศบค. จะไม่สั่งยกเลิกแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพของไทย

หลังจากที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. ได้ประกาศเพิ่มพื้นที่ควบคุมสูงสุดจาก 13 จังหวัด เพิ่มเป็น 29 จังหวัด ซึ่งมีมาตรการปิดสถานที่ 10 ประเภทกิจการ รวมไปถึงสนามกีฬาฟุตบอล สำหรับพื้นที่จังหวัดสีแดงเข้ม หรือพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ที่มีมาตรการที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับกิจกรรมกีฬา คือห้ามรวมกลุ่มมากกว่า 5 คน และปิดสนามกีฬา มีเพิ่มรวมเป็น 29 จังหวัด จากเดิม 13 จังหวัด โดยจะมีการประเมินทบทวนในวันที่ 18 ส.ค.64 หากยังไม่ดีขึ้นจะยืดล็อกดาวน์ออกไปถึง 31 ส.ค.64 

โดยหากนับเฉพาะจังหวัดสีแดงเข้ม มีทีมในไทยลีก 1 อยู่ 11 สโมสรใน 9 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร : การท่าเรือ เอฟซี , โปลิศ เทโร เอฟซี , จ.นนทบุรี : เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด , จ.ปทุมธานี : บีจี ปทุม ยูไนเต็ด , ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด , จ.สมุทรปราการ : สมุทรปราการ ซิตี้ , จ.ชลบุรี : ชลบุรี เอฟซี , จ.นครราชสีมา : นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี , จ.ประจวบคีรีขันธ์ : พีที ประจวบ เอฟซี , จ.ราชบุรี : ราชบุรี มิตรผล เอฟซี และ จ.สุพรรณบุรี : สุพรรณบุรี เอฟซี

ส่วนอีก 5 สโมสรใน 5 จังหวัดเป็นพื้นที่สีแดงหรือพื้นที่ควบคุมสูงสุด ที่สามารถใช้สนามกีฬาเตะฟุตบอลได้ จากการประกาศของ ศบค. โดยสถานที่เล่นกีฬาหรือแข่งขันกีฬาเปิดได้ทุกประเภท ไม่เกินเวลา 21.00 น. และจัดแข่งขันโดยจำกัดผู้ชมได้ ประกอบด้วย จ.บุรีรัมย์ : บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด , จ.เชียงราย : สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด , จ.หนองบัวลำภู : หนองบัว พิชญ , จ.เชียงใหม่ : เชียงใหม่ ยูไนเต็ด และ จ.ขอนแก่น : ขอนแก่น ยูไนเต็ด 

ล่าสุด “บิ๊กแชมป์” กรวีร์ ปริศนานันทกุล รักษาการประธานบริหารบริษัท ไทยลีก จำกัด ได้เปิดเผยว่า “หลังจากที่ได้คุยกับสโมสรเมื่อสัปดาห์ก่อน ก็จะต้องรอเข้าไปคุยกับ ศบค. คิดว่าภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ จะต้องได้คิวเข้าไปคุยกับ ศบค. ต่อให้เพิ่มจังหวัดล็อกดาวน์มา หรือล็อกดาวน์ทั้งประเทศก็ไม่ได้มีผลอะไร เพราะอย่างไรก็ต้องทำแผนส่งอยู่แล้ว แค่ต้องมาปรับแผนงานต่างๆ แล้วเอามาตรการนั้นไปเสนอกับ ศบค.เป็นอันดับแรก ให้มีแนวทางในการปฏิบัติ แล้วหลังจากนั้นก็ให้แต่ละทีมค่อยเอาแผนงานต่างๆ ไปคุยกับทางจังหวัดต่อไป”

รักษาการซีอีโอไทยลีก กล่าวต่อว่า “กรณีที่ร้ายแรงที่สุดคือไม่ได้รับอนุมัติแผนงานต่างๆ ที่เสนอไป และต้องเลื่อนการแข่งขันออกไปเรื่อยๆ แต่ว่าโจทย์สำคัญคือทำอย่างไรให้ฟุตบอลกลับมาแข่งขันให้ได้ และยังเชื่อว่าทาง ศบค. เองคงไม่ถึงกับขนาดว่าจะไม่ให้จัดการแข่งขัน แต่อยู่ที่จะวางมาตรการต่างๆ ว่ามีเงื่อนไขอย่างไรบ้างเท่านั้น”

“โจทย์ใหญ่ของเราคือฟุตบอลจะต้องเตะให้ได้ แต่จะเตะแบบไหน ได้เตะเมื่อไหร่ ต้องมาว่ากันอีกที เราคำนึงถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายตั้งแต่การประกาศมาตรการรอบแรกแล้ว ต่อให้ล็อกดาวน์ทั้งประเทศไม่ได้ต่างกัน เพราะมีความเสียหายอยู่ตั้งแต่ต้นแล้ว อยู่ที่เราจะต้องเตรียมแผนเข้าไป ผ่าน ศบค. ชุดใหญ่ เหมือนกับที่เคยทำแผนส่งไปในการจัดการแข่งขันรายการอื่นๆ ก็ต้องคุยกันว่าจะทำอย่างไรให้รัดกุมมากพอ”