สารภาพตามตรงตอนที่ นิวคาสเซิ่ล ตัดสินใจแยกทางกับ สตีฟ บรูซ ส่วนตัวไม่ค่อยเห็นด้วยกับการแต่งตั้ง เอ็ดดี้ ฮาว เข้ามาเป็นกุนซือ เพราะมองว่า สตีเว่น เจอร์ราร์ด น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
ชื่อเสียงสมัยเป็นกัปตันทีม ลิเวอร์พูล กลายเป็นบารมีที่น่าเกรงขาม มีผลต่อการดึงผู้เล่นใหม่เข้ามาร่วมทีม รวมถึงโปรไฟล์การพา กลาสโกว์ เรนเจอร์ส กลับมาเป็นแชมป์สกอตติช พรีเมียร์ลีก ก็เข้าตามากๆ
การที่ แอสตัน วิลล่า ดึง ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ และ ลูก้าส์ ดีญ เข้ามาร่วมทีม ดูยังไงก็ชื่อชั้นก็ดีกว่า คีแรน ทริปเปียร์, คริส วู้ด, บรูโน่ กิมาเรส, แมตต์ ทาร์เก็ตต์ และ แดน เบิร์น มัดรวมกันอย่างแน่นอน
ทว่าอดีตกุนซือ บอร์นมัธ ใช้ผลงานตบปากกูรู หลังพาทีมไม่แพ้ใครในลีกมา 8 เกมติดต่อกัน จากพื้นที่โซนแดง ตอนนี้ “สาลิกาดง” สยายปีกขึ้นมาอยู่อันดับ 14 มีแต้มมากกว่า เบิร์นลี่ย์ อันดับ 3 จากท้ายตารางถึง 9 คะแนน
งานนี้ทำเอาต่อมเผือกทำงาน อยากรู้ว่า ฮาว ใช้เวทย์มนต์อะไรที่ปลุกชีพ นิวคาสเซิ่ล ให้กลับมาเล่นดีได้อย่างเหลือเชื่อ ซึ่งวิเคราะห์ดูแล้วแยกได้ 5 เหตุผลดังต่อไปนี้
4-3-3 แผนที่ใช่เลย
กว่าจะมาถึงจุดนี้ จุดที่ทีมไม่แพ้ใคร 8 เกมติดต่อกัน เอ็ดดี้ ฮาว ต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก่อน 6 เกมแรกที่เข้ามาคุมทีมพาทีมแพ้ถึง 4 นัด สาเหตุหลักๆ ที่ไม่เวิร์กคือการใช้ระบบ 4-4-2
4-4-2 ทีมใช้ไปทั้งหมด 4 เกม ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 2 ก่อนปรับมาเล่น 4-3-3 ซึ่งช่วงหลังเจอของหนักแพ้ทั้ง ลิเวอร์พูล กับ แมนฯ ซิตี้ ซึ่งพออนุโลมกันได้ว่าใครเจอ 2 ทีมลุ้นแชมป์ก็ยากที่จะรอดไปได้
แต่หลังจากนั้นตั้งแต่เกมเสมอ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-1 ทีมก็ยึดระบบนี้ยาวเลย และก็ทำผลงานได้ดีจนถึงปัจจุบัน
แก้จุดอ่อนเกมรับ
สิ่งที่แฟนบอล “ทูนอาร์มี่” ไม่ปลื้มในตัว สตีฟ บรูซ อย่างมาก คือขนาดทีมเล่นเน้นเกมรับเป็นหลัก ไม่ระบบ 5-4-1 หรีอ 4-5-1 ก็ตาม แต่ทำไมเกมรับของทีมยังออกมาเละตุ้มเป๊ะขนาดนี้ 12 เกม เสียไปถึง 27 ประตู
ผิดกับยุคของ ฮาว ที่ตอนนี้คุมไปแล้ว 14 นัด เสียอยู่ที่ 19 ลูก แต่หากเจาะกันดีๆ ที่เสียเยอะๆ ก็แค่ช่วงแรกของการคุมทีม ที่ยังใช้ระบบ 4-4-2 และเจอทีมใหญ่ถึง 5 จาก 7 เกมเลยทีเดียว
แต่พอ ฮาว ได้โอกาสปรับเปลี่ยนผู้เล่น ได้ซื้อแข่งใหม่เข้ามาเสริม อดีตกุนซือของ บอร์นมัธ ก็ทุ่มงบที่เกมรับเป็นหลัก เปลี่ยนแผงแบ็กโฟร์ตัวจริงถึง 3 จาก 4 ตัวแหน่ง
โดยเฉพาะฝั่งซ้าย แดน เบิร์น กับ แมตต์ ทาร์เก็ตต์ ช่วยทีมได้เยอะ บวกกับการดร็อปจอมรั่ว จามาล ลาสเซลล์ มาใช้งาน ฟาเบียน ชาร์ ก็ทำให้เกมรับดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เอาแค่ปี 2022 เล่นในลีกไป 7 เกมเสียแค่ 4 ลูกเท่านั้น
โชเอลินตอน ยอดกองกลางตัวรับ
ในฐานะกองหน้าค่าตัว 40 ล้านปอนด์ ต้องบอกว่า โชเอลินตอน ทำผลงานได้น่าผิดหวังมากๆ เพราะนับตั้งแต่ย้ายจาก ฮอฟเฟนไฮม์ มาในปี 2019 ตอนนี้เจ้าตัวยิงในพรีเมียร์ลีก เพียง 8 ประตูจากการลงเล่น 94 นัด
อย่างไรก็ตามการลองผิดลองถูกจับดาวยิงแซมบ้า มาเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ เสมือน เอ็ดดี้ ฮาว ถูกหวยรางวัลใหญ่เลยทีเดียว เพราะเจ้าตัวกลับทำผลงานได้ดีเกินคาด เก็บบอลได้ดี ขึ้นเกมง่ายๆ แต่ได้ประสิทธิภาพ
ที่สำคัญดันเล่นเกมรับได้อย่างยอดเยี่ยม นับตั้งแต่เล่นมิดฟิลด์ตัวกลางในเกมกับ ลิเวอร์พูล จนถึงตอนนี้ โชเอลินตอน คือนักเตะที่แย่งบอลชนะมากที่สุดในลีกที่ 40 ครั้ง ผลงานขนาดนี้เอามิดฟิลด์อาชีพถึงกับเขินกันเลยทีเดียว
ปลุกผี “วิลล็อค-เฟรเซอร์”
อาจไม่ได้มีบารมีดังเหมือนกุนซือคนอื่นๆ ไม่ได้ทุ่มเงินดึงสตาร์ได้อย่างมากมาย แต่ เอ็ดดี้ ฮาว ถูกแฟนบอล “สาลิกาดง” ส่วนใหญ่ยกย่องว่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดแล้วที่จะเข้ามาคุมทีมในสถานการณ์แบบนี้
จุดเด่นของกุนซือวัย 44 ปี คือการดึงศักยภาพที่ดีที่สุดของนักเตะออกมาใช้งาน ซึ่งเขาพิสูจน์ให้เห็นแล้วจากการปัดฝุ่น โจ วิลล็อค, จอนโจ้ เชลวี่ย์ และ ไรอัน เฟรเซอร์ ให้กับมาเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมอีกครั้ง
วิลล็อค มีเลก 2 ที่ดีในซีซั่นก่อน แต่การย้ายมาถาวรเหมือนนักเตะหมดโปรโมชั่น ยิ่งเล่นยิ่งขาดกำลังใจ แต่ตอนนี้กลับมาคึกคัก กล้าเล่น กล้าลุย เอาจุดขายการสอดแถวสองเข้าไปลุ้นประตูได้แบบบ่อยครั้ง
เฟรเซอร์ คือเด็กเก่าของ ฮาว ตั้งแต่สมัยคุม บอร์นมัธ ดังนั้นรู้ไส้รู้พุงกันเป็นอย่างดี จนตอนนี้ยิงไปแล้ว 2 ประตู 2 แอสซิสต์จากการลงเล่น 4 เกมหลังสุด
เชลวี่ย์ ก็คุมเกมได้ค่อนข้างเนียนตา สามารถผสานงานกับ วิลล็อค และ โชเอลินตอน ได้อย่างลงตัว ทำเอาตัวใหม่ป้ายแดงดีกรีทีมชาติบราซิลอย่าง บรูโน่ กิมาเรส ต้องทนรอโอกาสที่ม้านั่งไปก่อน
โปรแกรมเป็นใจ
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า ฮาว ผ่านมรสุมที่โหดร้ายมาตั้งแต่ตอนเข้ารับงานใหม่ๆ พวกเขาเจอ อาร์เซนอล, เลสเตอร์, ลิเวอร์พูล, แมนฯ ซิตี้ และ แมนฯ ยูไนเต็ด ใน 7 เกมแรก ซึ่งไม่แปลกที่จะแพ้ค่อนข้างเยอะ
แต่ 7 เกมหลังสุดที่ผ่านมา “สาลิกาดง” เจอทีมระดับท็อปเทนแค่ เวสต์แฮม ทีมเดียวเท่านั้น ซึ่งพวกเขาก็สู้ได้ดี ทำเกมต่อกรได้เหนือกว่าด้วยซ้ำ น่าเสียดายที่ผลจบลงด้วยการเสมอกัน 1-1
ทว่าที่เหลือการได้เจอกับทีมในเกรดเดียวกัน นิวคาสเซิ่ล สู้ได้หมด บวกกับการเจอทีมที่ลงตัวพอดี ทำให้ลูกทีมของ เอ็ดดี้ ฮาว ติดเครื่องโกยแต้มเป็นว่าเล่น นับเฉพาะปี 2022 ได้ไปถึง 17 คะแนน มีแค่ ลิเวอร์พูล (22) และ แมนฯ ซิตี้ (19) 2 ทีมเท่านั้นที่ทำได้ดีกว่า