ดร.อนงค์วรรณ เทพสุทิน ประธานสโมสรสุโขทัย เอฟซี กล่าวให้กำลังใจแข้งทัพ “ค้างคาวไฟ” ขอให้มุ่งมั่น ทำเป้าหมายทีมให้สำเร็จและสร้างชื่อเสียงให้จังหวัดสุโขทัย
ความเคลื่อนไหวของทัพ “ค้างคาวไฟ” สุโขทัย เอฟซี ทีมดังในศึกไทยลีก2 เอ็ม-150 แชมป์เปี้ยนชิพ ฤดูกาล 2021/2022 ล่าสุด ฝ่ายจัดการแข่งขันยืนยันเกมนัดเปิดสนามวันที่ 5 กันยายน พบกับ อยุธยา ยูไนเต็ด ที่สนามทะเลหลวง สเตเดี้ยม
ซึ่ง ดร.อนงค์วรรณ เทพสุทิน ประธานสโมสรสุโขทัย เอฟซี ได้พบปะนักเตะของทีม เพื่อให้โอวาทและมอบขวัญกำลังใจ พร้อมเลี้ยงข้าวมื้อกลางวัน เป็นเมนูพิเศษ ข้าวแกงเนื้อโคขุน, หมูทอด, ผัดไท ขนมหวานเย็น เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมา
โดย ดร.อนงค์วรรณ เปิดเผยว่า นักเตะทุกคนเข้าพบเพื่อสวัสดีเนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ ซึ่งตนปลื้มใจจนน้ำตาซึม และถือเป็นโอกาสพูดคุยกับนักเตะ ว่า ขอให้ทุกคนพยายาม พัฒนาตนเองและทักษะที่จำเป็นต้องการลงสนามแข่งขันที่เหลืออีกไม่กี่สัปดาห์ฤดูกาลแข่งขันจะเริ่มขึ้น เพื่อให้มีความชำนาญและมีความพร้อมเป็นผู้เล่นที่เฮดโค้ชเดนนิส อมาโต และสต๊าฟจะเลือกลงสนามแข่งขัน
“ได้เล่าให้พวกเขาฟังว่าสมัยที่แม่ค้างคาวไฟเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลมหาวิทยาลัยต้องซ้อมอย่างหนัก เพื่อให้ถูกตาต้องใจโค้ชและได้ลงสนามแข่งขัน ดังนั้นในฐานะที่เป็นนักกีฬาอาชีพต้องพยายามให้มาก เพื่อให้ได้รับความไว้วางใจลงเล่นในสนามแข่งขัน และแสดงศักยภาพที่ไม่มีข้อผิดพลาดต่อหน้าแฟนบอล นอกจากนั้นต้องตั้งใจ มุ่งมั่น เพื่อร่วมพาทีมให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายและนำชื่อเสียงมาสู่จังหวัดสุโขทัย” ดร.อนงค์วรรณ กล่าว
“ประธานค้างคาวไฟ” กล่าาวถึงแฟนบอลสุโขทัยด้วยว่าขอให้รอคอยการกลับมาสู่สนามแข่งขัน ที่ปีนี้สุโขทัย เอฟซีจะไม่ทำให้ผิดหลัง และขอให้ช่วยสนับสนุนเสื้อแข่งฤดูกาลใหม่ ที่เตรียมจำหน่ายอย่างเป็นทางการ วันที่ 20 สิงหาคมนี้ โดยมีราคาจำหน่ายตัวละ 490 บาท
สำหรับเสื้อแข่งของนักเตะปีนี้มีทั้งสิ้น 3 สี คือ สีส้ม ซึ่งเป็นสีหลักกของสโมสร ใช้สำหรับเกมเหย้า ซึ่งปีนี้มีความพิเศษ คือ ได้ปรับโทนสีให้ดูสว่าง และสดใส , สีขาวและสีกรมท่า ให้สำหรับเกมเยือน นอกจากนั้นเสื้อของผู้รักษาประตูมี 3 สีเช่นกัน คือ สีเขียว, สีดำ และ สีม่วง นอกจากนั้นแล้วลายเสื้อยังออกแบบให้มีความเป็นสุโขทัย ด้วยการนำลายสือไทในหลักศิลาจารึกที่1 พิมพ์เป็นลายบนเสื้อและนำเอกลักษณ์ของผ้าทอโบราณบ้านศรีสัชนาลัยซึ่งเป็นสินค้าขึ้นชื่อของจังหวัดที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ร่วมสร้างความโดดเด่นบนเสื้อแข่ง