fbpx

อรรณพ สิงห์โตทอง อดีตอุปนายกสมาคมลูกหนัง และเป็นบอร์ดบริหารทีมชลบุรี เอฟซี ชี้ 2 แนวทางให้ “ไทยลีก” กลับมาเตะได้ หลังสถานการณ์โควิด -19 ระบาดอย่างหนักจนต้องเลื่อนเปิดลีกเป็นรอบที่สอง หากจัดเหย้าเยือนไม่ได้จริงๆ โดยเสนอให้ แบ่งเป็น 4 กลุ่ม หรือโยกไปทำการแข่งขันที่ ภูเก็ต แทนทั้งหมด

ตามที่  บริษัท ไทยลีก จำกัด  ประกาศเลื่อนเปิดฤดูกาบแข่งขันฟุตบอล “ไทยลีก 1-2” ออกไปอีกครั้ง จากเดิมวันที่ 13 สิงหาคม ถึง 3 กันยายน  พร้อมกับเตรียมแผนหากว่าสถานการณ์โควิด-19 ยังรุนแรง หรือ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ไม่อนุมัติแผนให้เตะแบบเหย้าเยือน ขั้นต่อไปอาจใช้วิธีเข้าบับเบิลแอนด์ซีล หรือเตะสนามกลาง

ล่าสุด อรรณพ สิงห์โตทอง อดีตอุปนายกสมาคมลูกหนัง และเป็นบอร์ดบริหารทีม ชลบุรี เอฟซี ให้สัมภาษณ์เพจฟุตบอล 108 เสนอรูปแบบการแข่งขันแบบบับเบิล 2 โมเดล กรณีต้องเลื่อนไปถึง ต.ค. ซึ่งจะเลื่อนต่อไม่ได้แล้ว เพราะกระทบสัญญานักเตะ

รูปแบบที่ 1 แบบเอเอฟซีแชมเปี้ยนส์ลีก นำเอา 16 ทีมมาแบ่งเป็น 4 กลุ่ม เตะสนามต่างๆ ที่ได้มาตรฐานสามารถจัดแข่งได้ ในกลุ่มต้องไม่มีเจ้าภาพ เช่น กลุ่ม A ไปเล่นที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก็จะมี 4 ทีมอย่าง ราชบุรี, ชลบุรี, เมืองทอง และ ทรู แบงค็อก เตะแบบเว้น 2-3 วัน กลุ่มหนึ่งก็จะใช้เวลา 2 สัปดาห์ วนไปเรื่อยๆ จนครบ 4 กลุ่ม จะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน เมื่อจบเลกแรกจะมาประเมินกันอีกครั้ง ว่าจะเตะแบบเหย้า-เยือนได้หรือไม่

รูปแบบที่ 2 เอา 16 ทีมไปเล่นที่ จ.ภูเก็ต เข้าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ มีสนามประมาณ 6 สนาม จะใช้เวลาราว 2 เดือน ซึ่งประชากรฟุตบอลจะอยู่ที่นั่น 800 คน ค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้น ดังนั้น สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ต้องนำเอางบประมาณ 20 ล้านบาทจากค่าลิขสิทธิ์ ตัดให้ไปเลยทีมละ 3 ล้านบาท เงินจำนวนนี้จะเป็นค่าใช้จ่ายในการเก็บตัวกักตัว ค่าโรงแรมที่พัก โดยอาจทำเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต ได้