fbpx

แม้หลายฤดูกาลที่ผ่านมา ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ จะทำผลงานในพรีเมียร์ลีก ได้เหนือกว่า อาร์เซนอล แต่ให้พูดตรงๆ มันก็ข่มคู่ปรับร่วมลอนดอนเหนือได้ไม่เป็นปาก เพราะพวกเขาเองก็ไม่ได้มีความสำเร็จอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย

แชมป์ ลีก คัพ ในปี 2008 ภายใต้การคุมทีมของ ฮวนเด้ รามอส กุนซือจากแดนกระทิงดุ ที่พาทีมเอาชนะ เชลซี ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-1 นั้นคือถ้วยรางวัลสุดท้ายที่พวกเขาได้ชูสุดแขน

นับตั้งแต่ตอนนั้น จนถึงตอนนี้เข้าสู่ปีที่ 14 แล้วที่ “ไก่เดือยทอง” ไม่สามารถคว้าโทรฟี่ใดๆ มาประดับตู้โชว์ของสโมสรได้เลย ในทางตรงกันข้าม “ปืนใหญ่” กลับคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ได้ถึง 4 สมัยในช่วงเวลาเดียวกัน

ในยุคของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ถือว่าใกล้เคียงมากๆ ได้รองแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2016-17 และหลังจากนั้น 2 ปีเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แต่หนังจบเป็นแค่ “พระรอง” พลาดท่าแพ้ ลิเวอร์พูล 0-2

ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์” ประกาศแยกทาง “โปเช็ตติโน่” : PPTVHD36

หลังจากนั้น สเปอร์ส ดูจะดิ่งเหวลงเรื่อยๆ ขนาดได้มือดีอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ ผู้การันตีมีแชมป์ทุกสโมสรที่คุมทัพก็ยังทำภารกิจล้มเหลว ที่แย่ที่สุดคือถูกปลดออกจากตำแหน่งก่อนนัดชิงคาราบาว คัพ เพียงไม่กี่วันเท่านั้น

พูดแล้วก็รู้สึกเสียดายแทน ทั้งๆ ที่ “เดอะ ลิลลี่ไวท์ส” มีเกมรุกที่ไม่ได้เป็นสองรองใคร คู่หู แฮร์รี่ เคน และ ซน ฮึง มิน คือนักเตะระดับ Top Class ที่พร้อมจะเจาะตาข่ายคู่แข่งทุกทีมบนโลกใบนี้

ดูโอจากคลับไก่เพิ่งทำลายสถิติผสานงานทำประตูมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก หลัง เคน ส่งให้ ซน ยิงประตูย้ำชัย ลีดส์ 4-0 ส่งผลให้ทั้งคู่ช่วยกันทำไปแล้วถึง 37 ประตู แซงหน้า ดิดิเยร์ ดร็อกบา และ แฟรงค์ แลมพาร์ด เจ้าของสถิติเดิมจาก เชลซี

สาเหตุที่ เคน กับ ซน เล่นร่วมกันได้อย่างเข้าขารู้ใจ น่าจะมาจากหลายสาเหตุที่มีความใกล้เคียงกัน ทั้งเรื่องของอายุที่ห่างกันแค่ปีเดียว รวมถึงการเริ่มต้นกับ สเปอร์ส ก็ห่างเพียงแค่ฤดูกาลเดียวเท่านั้น

กองหน้ากัปตันทีมชาติอังกฤษ ขึ้นมาเป็นตัวหลักในถินไวท์ ฮาร์ท เลน ในปี 2014 ซึ่งหลังจากนั้น 1 ฤดูกาล สตาร์จากแดนกิมจิ ก็โยกจากบุนเดสลีกา มาขอห้าวในพรีเมียร์ลีก

ความสามารถส่วนตัวก็เช่นเดียวกัน ด้วยความเป็นนักเตะ All Around หรือพวกสายครบเครื่องเหมือนกัน แม้ตำแหน่งตามหน้ากระดาษ เคน จะเป็นหน้าเป้า ส่วน ซน จะถนัดมากสุดในตำแหน่งริมเส้น

มูรินโญ่พอใจสเปอร์สไต่อันดับขึ้นที่ 3  ซนชี้เล่นกับเคนสุดเข้าขาเหมือนมีโทรจิตสื่อสาร

แต่หากใครได้ดู สเปอร์ส อยู่บ้าง จะเห็นได้ว่ารูปแบบการเล่นของทั้งคู่สอดคล้องกันมาก ซน ได้บอลริมเส้นก็จะมี เคน อยู่ในกรอบเขตโทษ หรือเมื่อ เคน ถอนตัวมารับบอลลึก ซน ก็พร้อมที่จะทะยานเข้าสู่กรอบเขตโทษทันที

มันชัดเจนจากตัวเลขที่ทั้งคู่ผสานงานกัน ซน ส่งให้ เคน ทำไปแล้ว 19 ประตู ส่วน เคน ก็ส่งให้ ซน ยิงไปแล้ว 18 ลูก สถิติมันชี้ชัดเลยว่าบทบาทของทั้งสองคนสามารถหมุนแทนกันได้ชนิดกลมกล่อม

การเปลี่ยนแปลงของ เคน เครดิตส่วนหนึ่งต้องยกให้กับ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่ปรับทบาทของหัวหอก “สิงโตคำราม” หลังให้เจ้าตัวเล่นในตำแหน่งเบอร์ 10 ต้องถอยมาเชื่อมเกมมากขึ้น ไม่ได้ยื่นรอยิงอย่างเดียวเหมือนแต่ก่อน

จาก 20 ประตูแรกที่ผสานงานร่วมกันเป็น ซน ส่งให้ เคน ทำได้ถึง 13 ประตู แต่ช่วงออกสตาร์ตฤดูกาล 2020-21 ตัวเลขกับตรงกันข้ามเลยเมื่อ เคน จ่ายให้ ซน ยิงถึง 8 ประตู ขณะที่สตาร์เกาหลีใต้ ส่งคืนกลับมาแค่ 3 ประตูเท่านั้น

“มันเป็นการพัฒนาเกมของผม และบางทีเกมของ ซอนนี่ ก็เช่นกัน” เคน เคยกล่าวสมัยเป็นลูกทีมของ “เดอะ สเปเชี่ยล วัน”

กองหน้าวัย 28 ปียังกล่าวถึงความสัมพันธ์ของเขากับ ซน หลังจบเกมชนะ แมนฯ ซิตี้ 3-2 ด้วยว่า “เราเชื่อมต่อกันได้ดีมากๆ และมีความเข้าใจที่ยอดเยี่ยมนอกสนามด้วย”

ด้าน ซน ก็กล่าวถึงคู่หูของเขาว่า “เมื่อคุณคิดว่ากองหน้าคือต้องทำประตูเสมอ และเบอร์ 10 ต้องจ่ายแอสซิสต์ เคน สามารถทำได้ทั้ง 2 อย่างสำหรับ 2 หรือ 3 ฤดูกาล เขาสามารถเล่นในตำแหน่งเบอร์ 10 ตำแหน่งเบอร์ 9 ทุกๆ ที่ที่เราต้องการ”

แต่เหมือนอย่างที่บอกไปข้างต้น เสียดายอยู่อย่างเดียวคือทั้งคู่ยังไม่มีแชมป์กับ สเปอร์ส ไม่แปลกใจเลยที่ซัมเมอร์ก่อน แฮร์รี่ เคน อยากย้ายไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพื่อล่าความสำเร็จส่วนตัว

นักเตะระดับโลกอย่าง เคน กับ ซน เจ้าของฉายาคู่หูเกมรุกที่ดีที่สุดในโลกเวลานี้ ไม่ควรค่าจริงๆ ถ้าพวกเขาจะจบอาชีพในฐานะ “ราชาไร้บัลลังก์”