5 ข้อ ลิเวอร์พูล ทีมแรกสอย นาโปลี สิ้นเชิง
5 ข้อ ลิเวอร์พูลสอยนาโปลี
แม้สกอร์ดังกล่าวไม่มากพอที่จะทำให้ ลิเวอร์พูล แซงขึ้นเป็นแชมป์กลุ่มได้ แต่อย่างน้อยมันก็เป็นผลลัพธ์ที่ส่งผลดีต่อทีมในทุกๆด้านหลังจากซีซั่นนี้พวกเขามีฟอร์มที่แกว่งไปแกว่งมา
1.คล็อปป์ กลับคืนสู่ระบบ 4-3-3
หลังจากที่โดน ลีดส์ บุกมาตอกถึง แอนฟิลด์ 2-1 ในเกม พรีเมียร์ลีก นัดล่าสุด เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ หงส์แดง ซึ่งยังจัดทีมในฤดูกาลนี้ไม่ลงตัวสักทีก็หนีไม่พ้นต้องโรเตชั่นทีมตามระเบียบ
จากรายชื่อ 11 คนแรก ดาร์วิน นูนเญซ ต้องไปนั่งข้างสนามเช่นเดียวกับ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน , โจ โกเมซ และ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ โดยมี อิบราฮิม่า โกนาเต้ ที่ฟิตสมบูรณ์แล้วตลอดจน คอสตาส ซิมิคาส , เจมส์ มิลเนอร์ และ เคอร์ติส โจนส์ ได้ลงสังเวียนแทนเป็นการหมุนทีมรวมสี่ตำแหน่ง อย่างไรก็ดี ถ้าหากจะมองอีกมุม ลิเวอร์พูล คงคิดว่าพวกเขาไม่น่าจะสร้างวีรกรรมแซง นาโปลี ขึ้นเป็นแชมป์กลุ่มได้ ดังนั้นกุนซือชาวเยอรมันจึงอาจจัดทัพด้วยการมองไปถึงเกม พรีเมียร์ลีก ในสุดสัปดาห์นี้ที่ เครื่องจักรสีแดง จะต้องบุกไปต่อกรกับ สเปอร์ส พ่วงไปด้วยก็เป็นได้ พร้อมกันนี้ คล็อปป์ ได้เผยก่อนเกมเช่นกันว่านัดนี้เขาให้ทีมหันมาเล่นในระบบเดิม 4-3-3 อีกครั้งโดย โม ซาลาห์ จะขึ้นเกมทางขวาตามถนัด ขณะที่ โจนส์ จะรับบทเป็นปีกซ้าย
2.หงส์แดง ที่ไม่มีกัปตัน เฮนโด้?
จากโผนักเตะตัวจริง และตัวสำรองของ ลิเวอร์พูล ในเกมกับ นาโปลี นอกจากจะไม่มี จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงเล่นเป็น 11 คนแรกแล้ว กัปตัน เฮนโด้ ไม่มีชื่อนั่งเป็นตัวสำรองด้วยเช่นกัน ประเด็นนี้ไม่มีดราม่าอะไรทั้งนั้นหลังกูรูอย่าง พอล สโคลส์ เคยโมเมว่า คล็อปป์ น่าจะมีปัญหากับกองกลางทีมชาติ อังกฤษ จึงส่งเขาลงสนามน้อยมากทั้งๆที่ เฮนเดอร์สัน มีตำแหน่งเป็นถึงกัปตันทีม ทั้งนี้และทั้งนั้น มีการชี้แจงว่า เฮนเดอร์สัน ซึ่งนัดก่อนก็ลงเล่นเป็นตัวสำรองฟัดกับ ยูงทอง มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย คล็อปป์ จึงไม่คิดเสี่ยงที่จะส่งเขาลงสนาม และน่าจะรอให้มิดฟิลด์ชาวอังกฤษฟิตเต็มที่อาไว้ดวลกับ ไก่เดือยทอง เสียมากกว่า
3.ครึ่งแรกเกมจืดชืด นาโปลี เล่นชิว
ด้วยสถานการณ์ในอันดับตารางที่ดีกว่า นาโปลี จึงไม่จำเป็นต้องบุกมาแลกหมัด และเน้นเกมรับเป็นหลักตามฟอร์ม ขณะที่ ลิเวอร์พูล พยายามหาโอกาสจบสกอร์โดยเน้นขึ้นเกมรุกทางฝั่งซ้ายให้ โจนส์ ได้แสดงความสามารถจนดูเหมือนว่า นายใหญ่ พยายามแก้ปัญหาการขาด หลุยส์ ดิอาซ ด้วยการหันมาปั้นมิดฟิลด์วัย 21 ปีให้รับภาระดังกล่าว อย่างไรก็ดี ตลอด 45 นาทีแรก หงส์แดง ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับทีมจ่าฝูง เซเรียอา มากนัก ก่อนที่เกมจะจบลงแบบไร้สกอร์ซึ่งเท่ากับว่าทีมจากอิตาลีทำผลงานได้ตามเป้า
จากสถิติที่ปรากฏออกมา หงส์แดง ครองบอลได้มากกว่าตามเนื้อผ้า 52:48% แต่ทั้งสองทีมมีจังหวะเสียวเท่ากัน 3 ครั้ง แถมส่งบอลเข้ากรอบ 1 ครั้งเช่นเดียวกันก่อนเสมอกันไปแบบตาข่ายไม่กระเพื่อมทำให้ นาโปลี ไม่เสียประตูให้กับฝ่ายตรงข้ามในครึ่งแรกมากถึงห้าจากหกนัดแล้วโดยมีแค่ บาเยิร์น ทีมเดียวเท่านั้นในศึก แชมเปี้ยนส์ลีก ซีซั่นนี้ที่มีผลงานในจุดนี้เหนือกว่าทีมของ ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ (หกนัด)
4.ครึ่งหลังแลกสนุกเข้าทางหง์แดง
หลังจากยันเกมรุกของเจ้าถิ่นได้ไม่ลำบาก ครึ่งหลัง นาโปลี จึงหันมาเล่นเกมรุกด้วยความมั่นใจ และสร้างความปั่นป่วนให้กับ ลิเวอร์พูล ได้เป็นระยะ จนในที่สุด คล็อปป์ ต้องแก้ไขสถานการณ์ด้วยการเปลี่ยน โจนส์ ออกให้ นูนเญซ ลงไปล่าตาข่ายช่วงกลางครึ่งหลังเพราะหาก หงส์แดง แพ้คาบ้านสองนัดติดต่อกัน มันคงดูไม่จืดและในที่สุด แม้ ลิเวอร์พูล จะถูกทีมเยือนกดดันมากขึ้น แต่อย่างน้อยพวกเขาก็สามารถหาพื้นที่เข้าทำในแดนหน้าได้ดีกว่าครึ่งแรก และประสบความสำเร็จคลำเป้าได้ถึงสองเม็ดในช่วงท้ายเกมจาก ซาลาห์ และ นูนเญซ จากโอกาสทั้งหมด 14 ครั้งที่บอลเข้ากรอบ 6 ครั้งหลังจบ 90 นาที ขณะที่ทีมของ สปัลเล็ตติ มีจังหวะกระทุ้งทั้งสิ้น 10 ครั้ง เข้ากรอบ 2 ครั้ง และมีเปอร์เซนต์ครองบอลแย่กว่าเจ้าถิ่นเล็กน้อยเท่านั้น 52:48%
สำหรับ ซาลาห์ เท่ากับว่าเขาครองสถิตินักแข้ง หงส์แดง ที่ทำประตูในถ้วยยุโรปได้มากที่สุดเทียบเท่ากับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด อดีตกัปตันทีมแล้วโดยทั้งสองสอยตาข่ายได้ 41 ประตูเท่ากัน นอกจากนี้ สตาร์ชาวเมืองมัมมี่ยังเช็คบิลในถ้วยหูใหญ่เพิ่มได้เป็น 43 ประตูด้วย และเป็นรอง ดิดิเยร์ ดร็อกบา เจ้าของสถิติรายการนี้ชาวแอฟริกัน (44 ประตู) แค่เม็ดเดียวแล้วเท่านั้น
5.นาโปลี ถูกหยุดสถิติ
จากชัยชนะที่มีต่อ นาโปลี ทำให้ คล็อปป์ กลายเป็นกุนซือคนแรกในฤดูกาลนี้ที่กำราบทีมจากเมืองเนเปิ้ลส์ได้อย่างยิ่งใหญ่ฉลองวาระการคุมทีม หงส์แดง เป็นเกมที่ 400 ได้อย่างสวยหรู นอกจากนี้ มันยังเป็นเกมที่ 100 ในถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ของกุนซือเมืองเบียร์ด้วย เมื่อนับรวมกับช่วงที่เขากุมบังเหียน ดอร์ทมุนด์ อันส่งผลให้ คล็อปป์ เป็นผู้จัดการทีมชาวด๊อยทช์คนแรกที่คุมทีมลงบู๊รายการนี้ครบ 100 นัด (ชนะ 46 เสมอ 26 แพ้ 28)
หลังจากโชว์ความแข็งแกร่งไม่แพ้ใครมานาน 20 นัดในทุกรายการนับตั้งแต่เดือนก.พ. ในที่สุด นาโปลี ก็บุกมาเสียสถิติที่ แอนฟิลด์ จนได้ซึ่งทำให้พวกเขายังไม่เคยบุกมากำชัยในรังของ หงส์แดง ได้เลย แถมไม่เคยชนะเกมยุโรปในเมืองผู้ดีแม้แต่นัดเดียวเช่นกันรวมเป็น 12 นัดเข้าไปแล้ว (เสมอ 3 แพ้ 9)
ฉะนั้น ลิเวอร์พูล จึงสร้างชื่อเป็นทีมแรกที่สยบ นาโปลี ในฤดูกาลนี้ได้สำเร็จหลังจากทีมดังแห่งเมืองเนเปิ้ลส์เสียแต้มหนสุดท้ายนัดเฝ้าบ้านเสมอกับ เลชเช่ 1-1 ในเกม เซเรียอา เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ก่อนทำสถิติสุดอหังการชนะรวด 13 นัดติดต่อกันในทุกรายการ
คอนเทนต์เพิ่มเติม :: ข่าวบอล