จาก 14 แต้มในวันวาน ไล่บี้มาเหลือเพียงคะแนนเดียว ทำให้สถานการณ์ลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ทวีความมันเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว และดูเหมือนว่า แมนฯ ซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล อาจดวลเดือดถึงขั้นต้องชิงดำในนัดสุดท้าย
แม้สัปดาห์หน้าการพบกันเองที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม แน่นอนว่าผู้ชนะจะกลายเป็นคนกุมชะตาแชมป์ของตัวเอง แต่ทางทฤษฏีเหลือเกมอีก 7 นัดก็ยังไม่อาจชี้ขาดได้ เพราะอนาคตอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
อย่างไรก็ตามวันนี้จะมาเรียกน้ำย่อยก่อนเกมใหญ่สุดสัปดาห์ ลองดูซิว่าตั้งแต่ลีกสูงสุดอังกฤษ เปลี่ยนมาเป็นพรีเมียร์ลีก มีฤดูกาลไหนบ้างที่ต้องลุ้นแชมป์กันจนถึงเกมสุดท้าย ลองเดาดูหน่อยมั้ย ? ว่ามีทั้งหมดกี่ซีซั่น
1994-95
แชมป์ : แบล็คเบิร์น
เคนนี่ ดัลกลิช มีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมหลังพา แบล็คเบิร์น คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก เหนือคู่ปรับอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด เพียง 1 คะแนนเท่านั้น
โดยเกมมาดราม่าในนัดสุดท้ายเพราะทีม “กุหลาบไฟ” ดันแพ้ต่อ ลิเวอร์พูล 1-2 ที่แอนฟิลด์ หาก “ผีแดง” เก็บ 3 แต้มได้พวกเขาจะแซงหน้าทันที
แต่ลูกทีมของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เจอฟอร์มผีเข้าของ ลูเด็ค มิโคลสโก้ โกล์ เวสต์แฮม ที่เซฟพัลวันยื้อเสมอ 1-1 กลายเป็นของขวัญส่งให้ แบล็คเบิร์น เข้าวินในท้ายที่สุด
1995-96
แชมป์ : แมนฯ ยูไนเต็ด
เป็นฤดูกาลที่น่าเหลือเชื่อเพราะไม่มีใครคาดคิดว่า นิวคาสเซิ่ล ของกุนซือ เควิน คีแกน ที่ทำแต้มนำห่างถึง 12 คะแนนในเดือนมกราคม จะต้องมาตัดสินแชมป์ในเกมสุดท้ายกับ แมนฯ ยูไนเต็ด
แม้ คีแกน คาดหวังว่าพวกเขาจะทำได้เหมือนกับ แบล็คเบิร์น ด้วยการส่งฝันร้ายในเกมสุดท้ายให้กับพลพรรค “ผีแดง” อีกครั้ง ทว่าเทพนิยายไม่ได้อยู่ข้าง “สาลิกาดง”
ลูกทีมของ เฟอร์กี้ ถล่ม มิดเดิลสโบรห์ สบายๆ 3-0 คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก สมัยที่ 3 ของตัวเองได้สำเร็จ โดยบทสรุปมีแต้มมากว่า นิวคาสเซิ่ล ถึง 4 คะแนน
1998-99
แชมป์ : แมนฯ ยูไนเต็ด
การคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนั้น อยู่ในความทรงจำของแฟนบอล พอๆ กับการคว้าแชมป์ลีกในวันสุดท้าย ด้วยการเฉือน อาร์เซนอล เพียง 1 คะแนน
สถานการณ์ตอนแรกดูเหมือน “ปืนใหญ่” มีโอกาสดีที่จะป้องกันแชมป์ได้ จนกระทั่งพวกเขามาแพ้ ลีดส์ ในเกมรองสุดท้าย ทำให้ “ผีแดง” แซงขึ้นไปนำจ่าฝูงก่อนวันชิงดำ
โอกาสมาอยู่ในมือ อาร์เซนอล อีกครั้งเนื่องจาก แมนฯ ยูไนเต็ด โดน สเปอร์ส นำก่อน 1-0 แต่สุดท้ายประตูของ เดวิด เบ็คแฮม และ แอนดี้ โคล ก็มาพลิกสถานการณ์ช่วยให้ทีมของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้แชมป์ลีกอีกสมัย
2007-08
แชมป์ : แมนฯ ยูไนเต็ด
แม้ แมนฯ ยูไนเต็ด จะเจอกับฤดูกาลที่พวกเขาแพ้ให้กับทีมท็อปโฟร์ (เชลซี, อาร์เซนอล, ลิเวอร์พูล) มากที่สุด แต่ท้ายที่สุดก็ยังเอาตัวรอดคว้าแชป์ลีกอังกฤษในซีซั่นนั้นจนได้
อาร์เซนอล คือทีมเต็งที่นำจ่าฝูงมายาวๆ แต่ก็มาหลุดวงโคจรหลังแพ้ต่อ “ผีแดง” และ “สิงโตน้ำเงินคราม” ภายในเวลาเพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น
ทำให้โค้งสุดท้ายเหลือแค่ เชลซี ที่ต้องแย่งแชมป์กับ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่สุดท้ายเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็โชวเก๋าเก็บชัยรวดใน 2 เกมสุดท้ายเอาชนะ “สิงห์บลูส์” ไปเพียง 2 คะแนน
2009-10
แชมป์ : เชลซี
คาร์โล อันเชล็อตติ พิสูจน์ตัวเองอีกครั้งว่าเขาคือหนึ่งในสุดยอดโค้ชแห่งยุค หลังเข้ามาคุมทีม เชลซี ฤดูกาลแรกก็สามารถพาทีมคว้าแชมป์ลีกได้ทันที โดยเบียดชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปเพียง 1 คะแนน
สถานการณ์โดยรวม “สิงห์บลูส์” เป็นคนกุมชะตาอยู่ตลอด แม้จะมีหวาดเสียวไปบ้างจากการแพ้ให้กับ สเปอร์ส 1-2 ก่อนเข้าโปรแกรม 3 นัดสุดท้าย
เชลซี ปิดฤดูกาลแบบโหดเหี้ยมด้วยการถล่ม วีแกน ขาดลอย 8-0 กลายเป็นทีมที่ยิงมากที่สุดต่อฤดูกาลที่ 103 ประตูในเวลานั้น พร้อมทำ “ผีแดง” น้ำตาร่วงชวดคว้าแชมป์ลีก 4 สมัยติดต่อกัน
2011-12
แชมป์ : แมนฯ ซิตี้
ฤดูกาล 2011-12 น่าจะเป็นเกมชิงแชมป์พรีเมียร์ลีกที่น่าจะ “ดราม่า” และ “ตรึงตาตรึงใจ” แฟนบอลมากที่สุดแล้ว เพราะมันบีบหัวใจมากๆ และเกิดช็อตที่ไม่น่าเชื่อจริงๆ
แมนฯ ซิตี้ กับ แมนฯ ยูไนเต็ด มีแต้มเท่ากันในวันสุดท้ายของฤดูกาล หากแต้มเท่ากัน “เรือใบสีฟ้า” จะกลายเป็นแชมป์เพราะมีลูกได้เสียที่ดีกว่า
“ผีแดง” ปิดงานของตัวเองด้วยการชนะ ซันเดอร์แลนด์ 1-0 และมีท่าทีว่าจะได้ฉลองแชมป์ หลัง ซิตี้ เหลือ 10 คนและตามหลัง ควีนปาร์ค 1-2 แต่ปาฏิหาริย์มีจริง เจ้าบ้านได้ 2 ประตูรวดในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจาก เอดิน เชโก้ และ อเกวโร่ พลิกสถานการณ์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ไปแบบช็อกแฟนบอลทั่วโลก
2013-14
แชมป์ : แมนฯ ซิตี้
นี่คือฤดูกาลที่ ลิเวอร์พูล มีโอกาสสูงมากที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก สมัยแรก หลังนำเป็นจ่าฝูงมาตลอด จนกระทั่งมาเจอเรื่องดราม่า 2 เหตุการณ์ติดๆ ที่ยากจะทำใจได้
พวกเขาแพ้ เชลซี 0-2 ในเดือนเมษายน โดยมีช็อต “เจอร์ลื่น” สตีเว่น เจอร์ราร์ด ลื่นล้มจนถูก เดมบา บา ฉกไปยิงประตู รวมถึงเกมเจอ คริสตัล พาเลซ ที่นำก่อน 3-0 แต่ถูกตีเสมอ 3-3 ไปแบบสุดช็อก
ความหวังสุดท้ายคือต้องลุ้นให้ แมนฯ ซิตี้ แพ้ ไบรท์ตัน แต่ “เรือใบสีฟ้า” ก็ไม่ยอมปล่อยชิ้นเนื้อปลามันที่อยู่ในปากให้หลุดลอย พวกเขาปิดเกมด้วยชัยชนะ และปาดหน้าแย่งแชมป์ไปในที่สุด