fbpx

ควันหลงของศึกดาร์บี้แมตช์ของอริยุค 90 ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปะทะ อาร์เซน่อล จบด้วยชัยชนะของ “ปีศาจแดง” ที่พลิกนรกกลับมาชนะ 3-2

หลังเกมมีประเด็นให้พูดถึงมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “ร่างทรง” และ “ร่างทอง” ของ “เฟร็ด” กองกลาง 3 วันดี 4 วันแย่ ที่มีส่วนทั้งเสียและได้ประตู จนนำมาสู่ชัยชนะของทีม

รวมไปถึงการสังหาร 2 ตุง กลายเป็นประตูที่ 800 และ 801 ตลอดเส้นทางการค้าแข้งของ “คริสเตียโน่ โรนัลโด้” ด้วยเช่นเดียวกัน

ส่วนไฮไลท์ปิดท้ายคงหนีไม่พ้นการประกาศอำลาทีมของ “ไมเคิล คาร์ริค” หลังขายวิญญาณให้ซาตานมากว่า 15 ปี ในฐานะนักเตะ, โค้ช และผู้จัดการทีม

แถมในยามวิกฤตหลังการอำลาทีมของ “โอเล่ กุนนาร์ โซลชา” แบบกระทันหัน เขายังฝากผลงานคุมทีมไร้พ่าย 3 นัด ถือว่าไม่ธรรมดา

โดยเฉพาะการพาทีมบุกไปเอาชนะ “บีร์ยาเรอัล” และผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอ้าท์ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้สำเร็จด้วย

จากนี้ “ท่านปลัด” ก็จะส่งไม้ต่อให้ “ราล์ฟ รังนิก” ซึ่งจะเข้ามาคุมทีมอย่างเป็นทางการในสุดสัปดาห์นี้ ในเกมพรีเมียร์ลีก พบกับ คริสตัล พาเลซ ที่มี “ปาทริก วิเอร่า” คุมทัพอยู่นั่นเอง

เรียกว่านี่เป็นการเริ่มนับ 1 ของ “ปีศาจแดง” ยุคใหม่อย่างแท้จริง

การมาของ “รังนิก” ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาทีมในระยะสั้นกับสัญญา 6 เดือนเท่านั้น แต่เป็นการวางแผนระยะยาวและพา “ปีศาจแดง” เข้าสู่ฟุตบอลยุคใหม่เต็มตัว

เพราะก้าวต่อไปของกุนซือเมืองเบียร์หลังจบฤดูกาล คือการเป็นที่ปรึกษาของสโมสรต่อไปอีก 2 ปี

นั่นแสดงว่าบทบาทของ “เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน” ที่มักจะปรากฏตัวยามทีมเจอปัญหาก็จะค่อยๆ จางไป

พร้อมเปิดทางให้ “รังนิก” ที่มีประสบการคุมทีม และมีกลยุทธ์ลูกหนังยุคโมเดิร์นอย่าง “เกเก้น เพรสซิ่ง” พา “ปีศาจแดง” ก้าวไปข้างหน้า พร้อมกับผู้อำนวยการฟุตบอลอย่าง “จอห์น เมอร์ทัฟ” และ “ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์” ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค

จากนั้นค่อยเข้าสู่กระบวนการสรรหากุนซือคนใหม่หลังจบฤดูกาล การเฟ้นหานักเตะที่เหมาะสมเข้ามาสู่ทีม เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทาง และแท็คติคการเล่น เพื่อสร้าง “ยูไนเต็ด เวย์” ให้แข็งแกร่ง

โดยเป้าหมายสูงสุงคงหนีไม่พ้นการทวงแชมป์พรีเมียร์ลีกกลับสู่รังโอลด์ แทรฟฟอร์ดให้ได้

ยิ่งบทสัมภาษณ์แรกของ “รังนิก” สร้างอิมแพ็กแก่ทีมพอสมควร แนวทางการตอบคำถามชัดเจน ตรงไปตรงมา แฝงด้วยความแข็งแกร่งแบบเยอรมนี

โดยเฉพาะจุดอ่อนของทีมที่ “รังนิค” มองเห็นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

“เป้าหมายหลักสำหรับผมคือนำความสมดุลมาสู่ทีม”

“เราเสีย 2 ประตูเมื่อวานนี้ และถ้าคุณดูที่จำนวนประตูที่เราเสียไปทั้งหมด จะเห็นว่าเราเสียนัดละ 2 ลูก มันเยอะเกินไป”

“เราไม่ต้องการโดนยิง 2 ประตู และยิงคืน 3 ประตูทุกนัด”

“ฟุตบอลในช่วง 10 ปีหลัง มันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง มันกลายเป็นฟุตบอลที่เน้นพละกำลังมากขึ้น”

“เน้นความแข็งแรง เกมเน้นแนวลึกมากขึ้น ในการจะพัฒนาทีม คุณต้องฝึกร่างกายและสมอง”

“คุณต้องปรับสไตล์และไอเดียของคุณให้เหมาะกับนักเตะที่คุณมีเสมอ”

“มันเป็นเรื่องของการพัฒนาทีมทั้งหมด ไม่ใช่แค่คริสเตียโน่ โรนัลโด้เท่านั้น”

เรียกว่าเริ่มต้นปฐมบทใหม่ของ “รังนิค” กับ “ปีศาจแดง” สร้างความตื่นเต้นให้สาวก “เร้ด เดวิลล์” ไม่น้อยเลยทีเดียว

โดยเฉพาะคำให้การแรกที่ทรงพลังเหลือเกิน

ส่วนผลงานชิ้นแรกของ “รังนิค” จะปังขนาดไหน เดี๋ยวได้รู้กันสุดสัปดาห์นี้