กลายเป็นดีลที่สร้างความฮือฮาไม่น้อยเมื่อ ลิเวอร์พูล ปฎิบัติภารกิจสายฟ้าแล่บปาดหน้า ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ คว้าเพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งของ ปอร์โต้ อย่าง หลุยส์ ดิอาซ มาร่วมทีมแบบสดๆ ร้อนๆ
ชื่อของดาวเตะวัย 25 ปีกลายเป็นที่จับตามองนับตั้งแต่ฉายแสงใน โคปา อเมริกา 2021 ที่พา “ลอส คาเฟเตรอส” จบอันดับ 3 และผลงานส่วนตัวยิงไป 4 ประตูเป็นดาวซัลโวร่วมกับ ลิโอเนล เมสซี่
ดีลนี้ต้องชม จูเลียน วอร์ด รองผู้อำนวยการกีฬาลิเวอร์พูล ที่ยื่นข้อเสนอ 37.5 ล้านปอนด์เท่ากับ สเปอร์ส แต่มีสอดไส้เงื่อนไขเพิ่มเติมอีก 15 ล้านปอนด์ ต่อให้รวมทั้งหมดแล้วก็ยังประหยัดกว่าค่าฉีกสัญญาถึง 10 ล้านปอนด์
ระดับฝีเท้า ดิอาซ พิสูจน์ตัวเองมาแล้วพอสมควร แต่การต้องปรับตัวในพรีเมียร์ลีก รวมถึงการแย่งตำแหน่งกับ 4 พระกาฬอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และ ดิโอโก้ โชต้า
ถ้าจะให้เดาว่าดีลนี้จะ “รุ่ง” หรือ “ร่วง” บอกเลยว่ายากจริงๆ
งานนี้เพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อยก่อนดูฟอร์มของ ดิอาซ ในเสื้อ “หงส์แดง” เราจะไปย้อนดูรุ่นพี่ร่วมทีมชาติโคลอมเบีย 5 ตัวรุกระดับสตาร์ที่ย้ายมาเล่นพรีเมียร์ลีก ผลงานแต่ละคน “สอบผ่าน” หรือ “สอบตก” มากกว่ากัน
ฟาอุสโต้ อัสปริญ่า
สโมสร : นิวคาสเซิ่ล (1995-98)
ผลงาน : สอบผ่าน
เจ้าของฉายา “นกกะเล็งดำ” สร้างชื่อให้ตัวเองจากการค้าแข้งใน เซเรีย อา อิตาลี หลังพาคว้าแชมป์ ยูฟ่า คัพ 2 สมัย โคปป้า อิตาเลีย, คัพ วินเนอร์ส คัพ และ ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ อย่างละสมัย ก่อนย้ายมาอยู่กับ นิวคาสเซิ่ล
แม้จะยิงประตูได้เพียง 9 ลูกจาก 48 เกมในพรีเมียร์ลีก แต่ อัสปริย่า ถือเป็นขวัญใจของแฟนบอลผู้ดี ด้วยลีลาการเล่นที่น่าตื่นตาตื่นใจ เลี้ยง ดึง โยก หลอก ราวกับมีเวทย์มนต์ การยิงแฮตทริกใส่ บาร์เซโลน่า ในแชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ยังตรึงตาตรึงใจแฟนบอล “สาลิกาดง” จนถึงวันนี้
ฮวน พาโบล อังเคล
สโมสร : แอสตัน วิลล่า (2000-07)
ผลงาน : สอบผ่าน
ด้วยสถิติพังประตูที่ยอดเยี่ยมกับ ริเวอร์เพลท ไม่ใช่เรื่องแปลกใจแต่อย่างใดที่ “สิงห์ผงาด” จะยอมทุ่มเงินถึง 9.5 ล้านปอนด์ ดึง พาโบล อังเคล มาร่วมทีม แต่ทุกอย่างกับไม่โรยด้วยกลีบกุหลาบครึ่งซีซั่นแรกยิงได้แค่ลูกเดียวจาก 9 นัด
แต่พอปรับตัวได้ อังเคล ก็กลายเป็นจอมสังหารที่ไว้ใจได้ โดยเฉพาะฤดูกาล 2003-04 ที่ยิงในพรีเมียร์ลีกถึง 16 ประตู เป็น 1 ใน 3 นักเตะของ วิลล่า ที่ทำประตูเกิน 20 ลูกต่อฤดูกาล และเป็นดาวซัลโวตลอดกาลอันดับ 3 ของ วิลล่า เป็นรองแค่ ดไวท์ ยอร์ค และ กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ เท่านั้น
ราดาเมล ฟัลเกา
สโมสร : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี (2014-16)
ผลงาน : สอบตก
ตอนที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ตัดสินใจขาย แดนนี่ เวลเบ็ค ให้ อาร์เซนอล และไปคว้า ราดาเมล ฟัลเกา มาร่วมทีม ใครๆ ก็คิดว่านี่คือการตลาดที่ยอดเยี่ยมของ “ผีแดง” เพราะฟอร์มสมัยอยู่ แอตเลติโกม มาดริด หัวหอกโคลอมเบีย ถูกยกให้เป็นหนึ่งในยอดดาวยิงของยุโรป
อย่างไรก็ตามปัญหาบาดเจ็บรุนแรงที่ทำเจ้าตัวพลาดฟุตบอลโลก 2014 มีผลต่อความมั่นใจและฟอร์มการเล่นอย่างมาก ฟัลเกา ล้มเหลวไม่เป็นท่า ยิงได้แค่ 4 ประตูจาก 26 เกม การย้ายไปอยู่กับ เชลซี ก็ไม่ดีขึ้นจบด้วยการยิงแค่ประตูเดียวเท่านั้น
ฮวน กวาดราโด้
สโมสร : เชลซี (2014-16)
ผลงาน : สอบตก
นักเตะอเนกประสงค์ที่เล่นได้หมดทั้ง แบ็ก, ปีก และ กองหน้า เฉิดฉายอย่างมากสมัยที่เล่นใน เซเรีย อา อิตาลี ด้วยสปีดที่จัดจ้าน การเลี้ยงบอลที่วูบวาบ ผลงานกับ ฟิออเรนติน่า ทำให้่ กวาดราโด้ เป็นที่สนใจของบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป
แต่สุดท้ายเป็น เชลซี ที่ดึงมาร่วมทีมในตลาดซื้อขายเดือนมกราคม โดยสลับขั้วส่ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไปให้ “วิโอล่า” ยืมใช้งาน ทว่าหากย้อนอดีตไปได้แฟนบอล “สิงห์บลูส์” คงไม่อยากเห็นดีลนี้ เพราะ กวาดราโด้ ในพรีเมียร์ลีก ไม่ได้จริงๆ ส่วน ซาลาห์ กลับไปเกิดใหม่แล้วกลายเป็นหนึ่งในสุดยอดแข้งยุคนี้กับ ลิเวอร์พูล
ฮาเมส โรดริเกวซ
สโมสร : เอฟเวอร์ตัน (2020-21)
ผลงาน : สอบตก
เส้นทางชีวิตของ ฮาเมส คล้ายๆ กับสตาร์หลายคนของโคลอมเบีย เริ่มต้นในบ้านเกิด ไปยกระดับในลีกอาร์เจนติน่า และไปสร้างชื่อกับ ปอร์โต้ ในลีกโปรตุเกส ก่อนเป็นแข้งดังที่ผ่านทีมใหญ่ทั้ง โมนาโก และ เรอัล มาดริด
ฮาเมส เสมือนลูกรักของ คาร์โล อันเชล็อตติ ช่วงที่ฟอร์มดีกับ “ราชันชุดขาว” ก็อยู่ในยุค “พี่แจ้” ก่อนย้ายตามไปอยู่กับ บาเยิร์น และลมหวนอีกครั้งกับ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” แรกๆ ผลงานเหมือนจะดี แต่อยู่ดีๆ ก็แผ่วไปดื้อๆ พอเปลี่ยนถ่ายหัวเรือใหญ่ ก็กลายเป็นฉากเดิม “โค้ชคู่บุญ” ไม่อยู่ ก็ถูกหมางเมินและต้องย้ายทีมในที่สุด