ไค ฮาแวร์ตซ์ : ตัวรุกอเนกประสงค์ที่ ปืนใหญ่ อยากได้
ไค ฮาแวร์ตซ์ : ตัวรุกอเนกประสงค์ที่ ปืนใหญ่ อยากได้
ตลาดซื้อขายสัปดาห์ที่ผ่านมามีหนึ่งข่าวเซอร์ไพรส์แฟนบอลอยู่ไม่น้อย เมื่อ อาร์เซนอล เปิดฉากเจรจาทาบซื้อ ไค ฮาแวร์ตซ์ ตัวรุกทีมชาติเยอรมัน ของ เชลซี แบบหน้าตาเฉย ดีลนี้เท่าที่สำรวจมาเสียงส่วนใหญ่ของ “เดอะ กันเนอร์ส” ไม่ค่อยจะปลาบปลื้มมากนัก ถ้าดูจากฟอร์มของดาวเตะวัย 24 ปีในซีซั่นที่ผ่านมา ต้องบอกว่าไม่เป็นโล้เป็นพาย ผลงานของ “สิงห์บลูส์” แย่ยังไง ผลงานส่วนตัวก็ออกทะเลไม่ต่างกัน
อย่างไรก็ตามงานนี้แฟนบอล “ปืนใหญ่” คงต้องทำใจหน่อย เพราะรายงานล่าสุดจาก เดวิน ออร์นสตีน นักข่าวของ ดิ แอธเลติก และ ฟาบริซิโอ โรมาโน่ กูรูซื้อขายชาวอิตาเลี่ยน รายงานตรงกันว่า อาร์เซนอล ได้ปิดดีลนี้แล้วที่ราคา 65 ล้านปอนด์ งานนี้เลยต้องมาวิเคราะห์กันหน่อยว่า ฮาแวร์ตซ์ มีดีอะไรถึงทำให้ มิเกล อาร์เตต้า ยอมจ่ายเงินมหาศาลอยากได้เขามาร่วมทีม
ตัวรุกอเนกประสงค์
ดูจากเส้นทางอาชีพของดาวเตะทีมชาติเยอรมัน จุดขายหลักเลยที่ทำให้ อาร์เซนอล ถูกใจก็คือการเป็นผู้เล่นอเนกประสงค์ เล่นได้หมดทุกตำแหน่งในแดนหน้า ไม่ว่าจะเป็น กองหน้า, กองกลางตัวรุก หรือแม้กระทั่งตัวริมเส้น ตามโปรไฟล์ของ ทรานเฟอร์มาร์เก็ต ระบุว่ากองกลางตัวรุกคือตำแหน่งที่ ฮาแวร์ตซ์ ถนัดที่สุดหลังลงเล่นไปทั้งสิ้น 143 นัด กองหน้าเป็นโพซิชั่นรองลงมา 78 เกม นอกจากนี้ยังเล่นปีกขวาอีก 52 นัด กองกลางตัวกลาง 18 นัด, ปีกซ้าย 7 นัด และมิดฟิลด์ตัวขวาอีก 1 เกม ขณะที่ข้อมูลของ สกายสปอร์ตส์ ที่ระบุนาทีต่อตำแหน่งนับตั้งแต่ดาวเตะวัย 24 ปีย้ายมาอยู่กับ เชลซี ตั้งแต่ปี 2020 เขามีจำนวนนาทีกระจายทั่วทุกพื้นที่ในเกมรุก โดยเป็นกองหน้ามากสุด 2,774 นาที
เก่งกาจลูกกลางอากาศ
อีกหนึ่งจุดเด่นที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือเรื่องของการต่อสู้กลางอากาศ แม้ฤดูกาลล่าุสุดจะทำสกอร์จากลูกโหม่งเพียงแค่ 3 ประตูในพรีเมียร์ลีกก็ตาม แต่ถ้าเจาะลึกลงไปจะเห็นได้ว่าเขามีดีมากกว่านั้น รวมๆ แล้ว ฮาแวร์ตซ์ มีสถิติดวลลูกกลางอากาศชนะสูงถึง 56% ในซีซั่นที่ผ่านมา เป็นอัตราความสำเร็จสูงกว่า ไอแวน โทนี่ย์ ของเบรนท์ฟอร์ด หรือ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช จากฟูแล่ม เสียด้วยซ้ำ เมื่อทั้งคู่ทำได้เพียง 48% เท่านั้น ยิ่งมาเทียบกับ กาเบรียล เชซุส กองหน้าเบอร์ 1 ของ อาร์เซนอล ในปัจจุบันที่ชนะเพียง 37% พูดง่ายๆ คือการมาของดาวยิง “อินทรีเหล็ก” จะเพิ่มมิติเกมรุกให้กับ อาร์เซนอล ได้มากขึ้น เป็นอาวุธชนิดใหม่ที่ช่วยปิดจุดอ่อนจากฤดูกาลที่ผ่านมา ที่เหล่าตัวรุกของทีม “ปืนใหญ่” ทำประตูจากลูกโหม่งได้ไม่ค่อยมากนัก
ตำแหน่งที่ขาดในทีม "ปืนใหญ่"
อย่างที่บอกไป ฮาแวร์ตซ์ มีข้อดีคือการเป็นนักเตะอเนกประสงค์ แต่ถ้าให้เดาใจ มิเกล อาร์เตต้า จริงๆ คงมีแค่ 2 ตำแหน่งที่เจ้าตัวน่าจะได้ลงเล่นประจำในทีมชุดนี้ ไม่กองหน้าเบอร์ 9 ก็ต้องเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกเบอร์ 8 กึ่งเบอร์ 10 กองหน้าในอุดมคติของกุนซือชาวสแปนิช นิยามง่ายๆ คือสไตล์ “ฟอลส์ ไนน์” เป็นกองหน้าที่ไม่รออยู่แต่กรอบเขตโทษ ต้องเชื่อมเกมดี พาตัวเองไปอยู่ในทุกตำแหน่งในเกมรุกเหมือนอย่างที่ เชซุส ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่พอหัวหอกแซมบ้า บาดเจ็บ เกมรุกของ อาร์เซนอล ก็ไม่ไหวลื่นเหมือนเดิม เพราะ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ที่มารับหน้าที่แทนมีสไตล์การเล่นที่แตกต่าง ชอบเคลื่อนที่อยู่แค่กรอบเขตโทษเท่านั้น
ฮาแวร์ตซ์ แทบจะไม่แตกต่างจาก เชซุส เลย ในแง่ของการเคลื่อนไหว อันตราการวิ่ง ความสามารถในการเพรสซิ่ง การเล่นเป็นตัวพักบอล เชื่อมเกมกับผู้เล่นคนอื่นๆ ซึ่งตอบโจทย์สิ่งที่ อาร์เตต้า ต้องการ ซึ่งบางครั้ง บางเกม เราอาจได้เห็นทั้งคู่ลงเล่นพร้อมกันก็ได้ โดย เชซุส อาจถูกโยกไปเล่นริมเส้นแทน อีกตำแหน่งที่เหล่ากูรูพูดถึงกันเยอะ ก็คือบทบาทเบอร์ 8 แทนที่ กรานิต ชาก้า ที่ต้องการนักเตะที่มีความเข้าใจเกมสูง เข้าใจแท็กติกทีมได้ดี สามารถสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งได้ระหว่างเกม ซึ่งตรงนี้ก็เป็นอีกหนึ่งข้อเด่นที่ ฮาแวร์ตซ์ ได้รับคำชมอยู่ไม่น้อย
เทียบสถิติของมิดฟิลด์ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ทำได้ในซีซั่นก่อนคือ 7 ประตู 7 แอสซิสต์ แสดงให้เห็นว่าตำแหน่งนี้มีส่วนกับเกมรุกอยู่ตลอด เป็นตำแหน่งที่ต้องสอดเข้าเขตโทษเป็นประจำ ซึ่งสถิติวิ่งเข้าเขตโทษคู่แข่งถึง 334 ครั้งของดาวเตะวัย 24 ปี มากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจาก เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ (349 ครั้ง) ก็ตอบโจทย์ได้พอดี เรื่องการปรับตัวเข้ากับระบบไม่น่ามีปัญหา เพราะ อาร์เซนอล เวลาเซ็ตเกมรุกจะปรับจาก 4-3-3 เป็น 3-2-4-1 อยู่แล้ว โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ จะเล่น Inverted fullback เข้ามายืนคู่กลาง ซึ่งจะทำให้ดาวเตะด๊อยซ์ลันด์ มีอิสระเล่นเกมรุกได้อย่างเต็มที่
แต่ที่น่ากังวลคือ ฮาแวร์ตซ์ เป็นนักเตะที่มีประสิทธิภาพในการจบสกอร์ที่ไม่ดีนัก มีค่าความต่าง XG หรือจำนวนประตูต่อโอกาสที่ควรจะเป็นประตู -4.6 มี แพทริค แบมฟอร์ด คนเดียวเท่านั้นที่ทำได้แย่กว่า อีกเรื่องคือการเล่นเกมรับ ซึ่งเราแทบไม่เคยเห็น ฮาแวร์ตซ์ เล่นแบบจริงๆ จังๆ เลย ซึ่งมาตรฐานที่ กรานิต ชาก้า ทำไว้นั้นสูงมากๆ สมดุลที่รับและรุกที่เป็นเลิศ ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะทำได้แบบดาวเตะทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ งานนี้คงต้องรอให้ปรีซีซั่นมาถึงก่อน เราจึงได้เห็นแบบชัดๆ อีกครั้งว่า มิเกล อาร์เตต้า จะจับ ไค ฮาแวร์ตซ์ เล่นในบทบาทใด และกุนซือชาวสแปนิช จะรบคำปรามาสของแฟนบอล ด้วยการร่ายมนต์เรียกฟอร์มเก่งสมัย เลเวอร์คูเซ่น กลับมาได้หรือเปล่า ?
คอนเทนต์เพิ่มเติม :: ฟุตบอลคอนเทนต์
ติดตามผลบอลสดเพิ่มเติม :: liverscore888th
ติดตามบทวิเคราะห์บอลเพิ่มเติม :: วิเคราะห์บอลวันนี้