ลูก้า โมดริช : ไม่มีอะไรต้องเสียดาย กับบทพระรองของ โครเอเชีย
ลูก้า โมดริช : ไม่มีอะไรต้องเสียดาย กับบทพระรองของ โครเอเชีย
ถ้ากล่าวถึง ลูก้า โมดริช สิ่งที่เรานึกออกได้ในทันทีคงเป็นเรื่องของคลาสฟุตบอลอันยอดเยี่ยม จังหวะจ่ายบอล จังหวะทะลุทะลวง รวมไปถึงการประสบความสำเร็จโกยแชมป์เป็นว่าเล่น แน่นอนเรื่องของฝีเท้าเป็นปัจจัยหลักที่พา โมดริช ก้าวขึ้นมาเป็นมิดฟิลด์ระดับต้นของโลก ซึ่งยืนยันการันตีด้วยรางวัล บัลลง ดอร์ ที่คว้ามาครองในยุคที่โดน ลิโอเนล เมสซี่ กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สลับคว้าบอลทองคำอยู่เพียงสองคน เช่นเดียวกับความสำเร็จนับตั้งแต่ย้ายมาเป็นสมาชิกของ เรอัล มาดริด เมื่อช่วงซัมเมอร์ 2012 เขากลายเป็นจิ๊กซอว์สำคัญของทีมมาตลอด พร้อมโทรฟี่แชมป์ที่ได้ชูเหนือหัวอยู่แทบตลอดแจกแจงง่ายๆ แค่โทรฟี่ใหญ่ๆ อย่าง ลาลีกา สเปน 3 สมัย, แชมเปี้ยนส์ลีก 5 สมัย, โกปา เดล เรย์ 2 สมัย หรือ สโมสรโลกที่ครองมากถึง 4 ครั้ง ไม่แปลกที่เจ้าตัวจะขึ้นหิ้งเป็นหนึ่งในตำนานของทัพ ราชันชุดขาว ทั้งที่ยังคงโลดแล่นอยู่บนฟลอร์หญ้าในปัจจุบัน
ทว่าในอีกฝั่งของอาชีพค้าแข้งการลงสนามกับบ้านเกิดอย่าง โครเอเชีย เหมือนโชคชะตาเล่นตลกพอสมควรที่ไม่อาจเอื้อมมือไปสัมผัสความสำเร็จได้เลย เป็นเพียงพระรองมองทีมอื่นเริงร่ากับโทรฟี่ย้อนกลับไป โมดริช ติดทีมทัพ หมากรุก ครั้งแรกเมื่อปี 2006 ซึ่งตอนนั้นเจ้าตัวยังคงเป็นดาวรุ่งไฟพะเนียงวัย 20 ปี ได้โอกาสจาก ซลัตโก้ ครานชาร์ กุนซือของทีมในช่วงเวลานั้น
ช่วงแรกทัพตราหมากรุกมักจอดที่รอบ 16 ทีม
ที่น่าสนใจคือ โมดริช ใช้เวลาไม่นานในการปรับตัวกับทีมชาติ ก่อนกลายเป็นส่วนสำคัญของทีมมาตั้งแต่ตอนนั้น ลงเล่นทัวร์นาเมนท์ใหญ่ครั้งแรกคือศึกฟุตบอลโลก 2006 ทว่าไม่อาจพาทีมผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ได้ แถมไม่ชนะใครเลยตลอด 3 เกมในรอบแบ่งกลุ่ม (แพ้ 1 เสมอ 2 เกม) จากนั้นกองกลางผมสวยก็เริ่มมีบทบาทกับทีมมากยิ่งขึ้น ไปลุยศึกยูโร 2008 แต่สุดท้ายก็จอดป้ายเพียงรอบ 16 ทีมสุดท้าย ด้วยการพ่ายจุดโทษ ตุรกี หรือในยูโร 2012 พวกเขาก็ร่วงตกรอบแบ่งกลุ่ม ด้วยการเก็บได้เพียง 4 แต้ม จาก 3 เกม ส่วนฟุตบอลโลก 2014 โครเอเชีย ก็ไปไม่ได้ไกลหยุดเส้นทางในรอบแบ่งกลุ่มเหมือนเช่นเคย ขยับมาในศึกยูโร 2016 ทัพ หมากรุก ไปถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย ก่อนพ่าย โปรตุเกส ในช่วงต่อเวลา ซึ่งจากไทม์ไลน์ที่ไล่เรียงมาจะเห็นว่า โมดริช กับการลงเล่นให้ โครเอเชีย ไปได้ไกลสุดก็เพียงรอบ 16 ทีมสุดท้าย แถมส่วนมากจบเพียงในรอบแบ่งกลุ่มเท่านั้น
ช่วงยุคทองของทัพตราหมากรุก
ทว่าหลังจากนั้นเหมือนเข้าสู่ยุคทองก็ว่าได้ แต่… มันก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าประสบความสำเร็จ เพราะไม่มีโทรฟี่แชมป์ติดมือ แต่คือการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ที่เห็นภาพได้อย่างชัดเจน ศึกฟุตบอลโลก 2018 โมดริช และผองเพื่อนเหมือนม้านอกสายตาที่กรุยทางเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ ตลอดเส้นทางแม้จะมีเสียงวิจารณ์อยู่บ้างว่าเป็นจอมต่อเวลา เพราะในรอบน็อคเอาท์ตั้งแต่ 16 ทีมเป็นต้นมา ทีมล้วนแต่เก็บคู่แข่งใน 90 นาทีไม่ได้เลย ชนะจุดโทษ เดนมาร์ก, ชนะจุดโทษ รัสเซีย, ชนะ อังกฤษ ช่วงต่อเวลา ก่อนพ่าย ฝรั่งเศส ในเกมรอบชิงชนะเลิศ
ถึงแม้จะมาไกลแต่ก็ไม่เคยได้จับโทรฟี่ใดเลย
แน่นอนนี่คือเส้นทางที่ไกลสุดของ โมดริช กับ โครเอเชีย กับบันไดขั้นสุดท้าย ทว่าก็ไปไม่ถึงฝัน แม้ทีมจะไม่อาจเอื้อมไปสัมผัสแชมป์ได้ แต่ตัวมิดฟิลด์รายนี้ก็สามารถคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมไปครอง ท่ามกลางนักเตะผลงานเด่นหลายๆ คนไม่ว่าจะเป็น แฮร์รี่ เคน, คีเลียน เอ็มบัปเป้ หรือ อ็องตวน กรีซมันน์ ส่วน ยูโร 2020 เหมือนเครื่องสะดุดเล็กน้อย กลับไปจอดป้ายที่รอบ 16 ทีมสุดท้ายอีกครั้ง ด้วยการพ่าย สเปน ในช่วงต่อเวลา
โมดริช พาทัพหมากรุกมาจบที่ 3 ในฟุตบอลโลก
กระทั่งการวนมาอีกครั้งของศึกฟุตบอลโลก 2022 ทัวร์นาเมนท์ใหญ่ที่คงเป็นการสั่งลา โมดริช อย่างเป็นทางการ เพราะด้วยอายุที่มากขึ้น คงยากที่ในอีก 4 ปีข้างหน้าจะกลับมาลงสนามอีกครั้ง มองในภาพรวมการได้อันดับ 3 ไม่ใช่เรื่องที่น่าเกลียดเลยสักนิดสำหรับพวกเขาที่ผ่าน บราซิล มาได้ในรอบ 8 ทีม ส่วนการพ่าย อาร์เจนติน่า ถือว่าเป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้ ก่อนที่ล่าสุดจะเป็นในศึกยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ที่ทีมกรุยทางถึงรอบชิงชนะเลิศได้อีกครั้ง แม้จะเป็นรายการนอกสายตาที่แฟนบอลมองว่ามาเตะเพื่อคั่นเวลาเท่านั้น แต่เมื่อขึ้นชื่อว่ารอบชิงชนะเลิศ ยังไงเสียเหล่ากองเชียร์ และนักเตะก็ย่อมอยากไปให้สุดทาง อย่างน้อยก็เกียรติประวัติในอาชีพการค้าแข้ง
เป็นพระรองอยู่ร่ำไป
ทว่าก็เป็นอีกครั้งที่ โมดริช ต้องเผชิญกับความผิดหวังเป็นเพียงพระรอง ช็อตที่เจ้าตัวขึ้นไปรับเหรียญรองแชมป์พร้อมจังหวะเดินผ่านถ้วยรางวัลด้วยรอยยิ้มมุมปาก คงจะประมาณว่า “กูเป็นรองแชมป์อีกแล้วหรอวะเนี่ย !?” ถ้าจะให้นิยาม โมดริช กับ โครเอเชีย คงเป็นราชาที่ไร้มงกุฎ แต่ได้การยอมรับจากคนในประเทศ และทั่วโลกอย่างล้นหลาม แน่นอนว่าการเป็นเพียงรองแชมป์มันย่อมมีความเสียใจที่ซ่อนอยู่มากมาย จำนวนแชมป์ที่ได้กับ เรอัล มาดริด มันไม่สามารถนำมาหักล้างกันได้แต่ในอีกมุมคงไม่มีอะไรต้องมาเสียดาย เพราะในเมื่อเราได้เห็น โมดริช พา โครเอเชีย ยกระดับ และกลายเป็นชาติที่ไม่ถูกมองข้าม แถมยกเป็นตัวเต็งเบอร์ต้นๆ ขึ้นมา
โมดริช จะลงเล่นกับโครเอเชียไปอีกนานแค่ไหน?
ส่วนเรื่องอนาคตน่าสนใจว่า โมดริช จะยังคงลุยกับทีมชาติต่อไปไหม เพราะปัจจุบันอายุแตะหลัก 37 ปีแล้วเรื่องผลงานในสนามไม่ต้องพูดถึง ยังคงฟิตปั๋ง สามารถลงไปสอนเชิงแข้งคู่แข่งได้แบบสบายๆ แต่สภาพร่างกายจะไหวแค่ไหนกับการกรำศึกหนักที่อัดแน่นในโลกลูกหนังทุกวันนี้ “ผมตัดสินใจอนาคตของผมแล้ว แต่ผมจะไม่พูดในวันนี้” หนึ่งในคำพูดของ โมดริช เกี่ยวกับอนาคตในสีเสื้อตราหมากรุกทัวร์นาเมนท์ใกล้ถึงต่อจากนี้คือยูโร 2024 ซึ่งตอนนั้น โมดริช อายุจะไปแตะอยู่ที่ 39 ปี ด้วยสตอรี่ที่ผ่านมาแฟนบอลย่อมอยากเห็นเขาในการไปโชว์เพลงแข้ง อย่างน้อยก็เป็นการปิดฉาก 18 ปี ในการลงสนามรับใช้ชาติบ้านเกิดกับทัวร์นาเมนท์ระดับทวีป
คอนเทนต์เพิ่มเติม :: ฟุตบอลคอนเทนต์
ติดตามผลบอลสดเพิ่มเติม :: liverscore888th
ติดตามบทวิเคราะห์บอลเพิ่มเติม :: วิเคราะห์บอลวันนี้