5 ประเด็นต้องจับตา : ผี-เรือ ชิงเอฟเอ คัพ
5 ประเด็นต้องจับตา : ผี-เรือ ชิงเอฟเอ คัพ
การเจอกันของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มันคือศึก แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ เป็นเรื่องศักดิ์ศรีของคนเมืองเดียวกัน ที่ไม่ว่าจะเป็นศึกไหนก็มักจะยอมกันไม่ได้ ยิ่งมาเจอกันในเกม FINAL มีแชมป์เป็นเดิมพัน มันยิ่งทวีคูณความเข้มข้นอีกหลายเท่า โดยเฉพาะในนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ที่จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ 2 ทีมโคจรมาเจอกัน ยิ่งทำให้เกิดกระแสจนสื่ออังกฤษ ใช้คำว่า All-Manchester Final ซึ่งผลลัพธ์จะออกเป็น “แดง” หรือ “ฟ้า” ที่จะได้เฮคงต้องรอติดตามกัน
อย่างไรก็ตามเกมที่ เวมบลี่ย์ มันมีนัยยะสำคัญอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกไม่น้อย ซึ่งวันนี้ สิงห์สนาม จะเรียกน้ำย่อยสาวกของทั้ง 2 ทีมด้วย 5 ประเด็นหลังจากนี้ ที่คุณผู้ฟังเสพแล้วน่าจะช่วยเพิ่มอรรถรสให้อยากชมเกมนัดนี้มากยิ่งขึ้น
เส้นทาง 3 แชมป์ประวัติศาสตร์
ในหน้าประวัติศาสตร์ของฟุตบอลอังกฤษ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือทีมเดียวเท่านั้นที่เคยคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ ที่เป็นการคว้าแชมป์รายการหลักทั้ง พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ในฤดูกาลเดียวกัน โดยที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล ก็เคยคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ เช่นกัน แต่ก็เป็น 3 แชมป์จาก 3 บอลถ้วย เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ และ ยูฟ่า คัพ ซึ่งต้องยอมรับว่าดีกรีความยิ่งใหญ่มันเทียบกันไม่ได้
อย่างไรก็ตามในฤดูกาลนี้ทีม “เรือใบสีฟ้า” กำลังอยู่ในเส้นทาง เพราะพวกเขาคว้า พรีเมียร์ลีก มาครองเรียบร้อยแล้ว เหลืออีกเพียง 2 ก้าวก็คือนัดชิง เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งมันจะดำเนินต่อไปได้ พวกเขาต้องปราบ “ผี” ให้ได้เสียก่อน เรื่องนี้ถือว่าจริงจัง และเป็นศักดิ์ศรีที่ยอมกันไม่ได้ โดย มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้าตัวเองของ แมนฯ ยูไนเต็ด ออกมาบอกว่าการขัดขวาง แมนฯ ซิตี้ สำคัญกว่าการได้แชมป์เอฟเอ คัพ เสียอีก “การทำให้แน่ใจว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงเป็นทีมเดียวที่ได้สามแชมป์ นั่นคือสิ่งที่สำคัญมากที่สุดเลย”
ดับเบิ้ลแชมป์ของ เทน ฮาก
นับตั้งแต่ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางมือ มันเป็นจุดเริ่มต้นของการถอยหลังของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ผ่านมาเปลี่ยนแปลงกุนซือมาแล้วมากมาย เต็มที่พวกเขาก็คว้ามาได้แค่แชมป์บอลถ้วยในยุคของ หลุยส์ ฟาน กัล และ โชเซ่ มูรินโญ่ ทว่าหลังจากได้แชมป์ยูโรป้าลีก เมื่อปี 2017 หลังจากนั้น 5 ปีภายใต้การคุมทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ และ ราล์ฟ รังนิก ทีมจบด้วยการมือเปล่ามาตลอด ทว่าการมาของ เอริค เทน ฮาก กำลังพาทีมกลับมาล่าความสำเร็จอีกครั้ง
กุนซือชาวดัตช์ เพิ่งพาทีมคว้าแชมป์ ลีก คัพ และกำลังมีลุ้นคว้า “ดับเบิ้ลแชมป์” ด้วยหากเอาชนะ แมนฯ ซิตี้ ได้ในเกมนัดชิง เอฟเอ คัพ ซึ่งมีแฟนบอลบางส่วนชี้ว่ามันจะเป็นการจบซีซั่นที่ประสบความสำเร็จมากกว่าทาง อาร์เซนอล ทีมรองแชมป์เสียอีก เพราะในพรีเมียร์ลีก พวกเขาก็จบอันดับ 3 ได้ตั๋วยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เหมือนกัน
เรือใบ เป็นต่อเรื่องฟอร์มและความพร้อม
นับตั้งแต่ แมนฯ ซิตี้ ได้โคตรกุนซืออย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มาคุมบังเหียน ต้องยอมรับว่าเมืองแมนเชสเตอร์ ไม่เคยสงบสุขอีกเลย ยกเว้นฤดูกาลแรกที่มือเปล่า หลังจากนั้นกุนซือชาวแปนิช เสกความสำเร็จให้แฟนบอล “เรือใบสีฟ้า” ฉลองได้แทบทุกซีซั่น อย่างในฤดูกาลนี้ในสายตาแฟนบอล ก็ต้องบอกว่า แมนฯ ซิตี้ เหนือกว่าพอตัว หลังระเบิดฟอร์มโหดในช่วงท้ายฤดูกาล ชนะเกมลีก 12 นัดติดต่อกัน ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ก็ถล่ม เรอัล มาดริด แชมป์เก่าแบบสู้กันไม่ได้
สภาพทีมของทัพ “เรือใบสีฟ้า” ก็พร้อมมากๆ อาจมีเช็กฟิต รูเบน ดิอาส, มานูเอล อาคานยี่, เควิน เดอ บรอยน์ และ แจ๊ค กรีลิช แต่ก็โอกาสสูงที่จะผ่านฟิตลงเล่น หรือถ้าไม่ไหว คนลงเล่นแทนเกรดบอลแทบไม่ต่างกันเลยผิดกับทาง แมนฯ ยูไนเต็ด ที่จะอดใช้งาน ลิซานโดร มาร์ติเนซ, มาร์เซล ซาบิตเซอร์ และ อองโตนี่ มาร์กซิยาล ที่บาดเจ็บ ฟอร์มรวมๆ ก็ไม่ค่อยแน่นอน แม้จะเก็บชัย 4 นัดส่งท้ายพรีเมียร์ลีก มาได้ก็ตาม
สถิติเจอกันสูสีกว่าที่คิด
แม้ภาพรวม แมนฯ ซิตี้ จะดูเก่งกาจจนน่ากลัว แต่ถ้าเจาะสถิติการเจอกับของศึก แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ตัวเลขไม่เคยโกหกใคร ต้องบอกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่สู้กับเพื่อนร่วมเมืองได้อย่างสูสี เอาแค่สถิติ 10 เกมหลังสุดที่เจอกัน เรือใบสีฟ้า ชนะ 5 เสมอ 1 และเป็น ผีแดง ที่ชนะคืนได้ถึง 4 นัด หรืออย่างในฤดูกาลนี้ เจอกัน 2 หนในลีกทั้ง 2 ทีมก็ผลัดกันชนะทีมละ 1 ครั้ง โดยเกมล่าสุดเป็นลูกทีมของ เอริค เทน ฮาก ที่เก็บ 3 แต้ม จากจังหวะปัญหาที่ บรูโน่ แฟร์นานเดส ยิงประตูตีเสมอ ที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด ทั้งยืนล้ำหน้าและขวางทางวิ่งของ นาธาน อาเก้ จนเป็นดราม่าถกเถียงกันสนั่นโซเชี่ยล
ปาฏิหาริย์ของ ฮาแลนด์
การปรากฏตัวของ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลนี้ต้องเรียกว่าเป็น ปรากฏการณ์ เพราะหัวหอกทีมชาตินอร์เวย์ ระเบิดฟอร์มสุดโหด ยิงประตูถล่มทลาย กลายเป็นนักเตะที่ยิงประตูในพรีเมียร์ลีก ต่อฤดูกาลมากที่สุดที่ 36 ประตู นอกจากนี้ใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ก็ซัดไปอีก 12 ประตู แม้จะเหลือเกมนัดชิงกับ อินเตอร์ มิลาน แต่ก็พูดได้เต็มปากแล้วว่าไม่มีใครไล่ทัน ทำให้เจ้าตัวนอนมาคว้าดาวซัลโวของ ยูซีแอล ไปอีกรายการ
ฮาแลนด์ กำลังมีลุ้นเป็นนักเตะคนแรก ที่คว้าทริปเปิ้ลดาวซัลโว 3 รายการใหญ่ทั้ง พรีเมียร์ลีก, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และ เอฟเอ คัพ แต่ก็เป็นโจทย์ที่ยากมากๆ เพราะปัจจุบันใน เอฟเอ คัพ เจ้าตัวยิงไปเพียง 3 ประตูตามหลัง พอล มัลลิน จากเร็กซ์แฮม ผู้นำที่ยิงไป 8 ลูก เท่ากับว่าเกมนัดชิงชนะเลิศกับ แมนฯ ยูไนเต็ด หาก ฮาแลนด์ จะเอาดาวซัลโวรายการนี้ต้องยิงอย่างน้อย 5 ประตู ซึ่งต้องลุ้นกันว่าหัวหอกเจ้าของฉายา “จอมมารบลู” จะสร้างปาฏิหาริย์ได้หรือไม่
คอนเทนต์เพิ่มเติม :: ฟุตบอลคอนเทนต์
ติดตามผลบอลสดเพิ่มเติม :: liverscore888th
ติดตามบทวิเคราะห์บอลเพิ่มเติม :: วิเคราะห์บอลวันนี้