แฟรงค์ แลมพาร์ด กับการรีเทิร์นคุมทัพ เชลซี
แฟรงค์ แลมพาร์ด กับการรีเทิร์นคุมทัพ เชลซี
ย้อนกลับไปสมัยเป็นนักเตะ แฟรงค์ แลมพาร์ด ถือว่าเป็นขวัญใจของแฟนบอลในยุค 2000 เลยก็ว่าได้ อาจไม่ใช่เด็กจากอคาเดมี่ แต่เป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาด้วยฝีเท้าของตัวเอง แชมป์หลายสมัย ความสำเร็จมากล้นที่พาให้ แลมพาร์ด กลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของสโมสร จนขึ้นหิ้งไปพร้อมๆ กับนักเตะในรุ่นๆ เดียวกันอย่าง จอห์น เทอร์รี่ หรือ ดิดิเยร์ ดร็อกบา กระทั่งวันที่กลับมาสู่ถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ อีกครั้ง ในบทบาทผู้จัดการทีม แฟนบอลปรบมือต้อนรับด้วยความยินดี เขาไม่ต่างอะไรจากฮีโร่ของสโมสรในตอนนั้นที่กล้าเข้ามารับเผือกร้อน ท่ามกลางวิกฤตที่ทีมโดนสั่งห้ามซื้อนักเตะเข้าสู่ทีมแม้จะอยู่กันแบบไม่ยืดยาวมากนัก แต่ผลงานในตอนนั้นกับ เชลซี ก็ไม่ได้ขี้เหร่แบบรับไม่ได้ พาทีมจบท็อปโฟร์ได้ตั๋วไปลุย แชมเปี้ยนส์ลีก อีกทั้งมี เปอร์เซนต์พาทีมชนะอยู่ที่ 52.4 เปอร์เซนต์ ไหนจะพาสโมสรเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ในฤดูกาล 2019-20
จนกระทั่งล่าสุดมีข่าวว่า แลมพาร์ด อาจกลับมาสู่รั้ว เดอะ บริจด์ อีกครั้งในบทบาทกุนซือชั่วคราวจนกระทั่งจบฤดูกาล ระหว่างรอตัวนายใหญ่คนใหม่ช่วงซัมเมอร์ ว่าแล้วเราลองมาส่องเหตุผลต่างๆ ที่เหมาะสมในการดึงตัว แลมพาร์ด กลับบ้านในครั้งนี้กันว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่น่าสนใจ
ประการแรก - รู้จักสโมสรเป็นอย่างดี
ประเด็นแรกอย่างที่ได้เกริ่นไว้ตั้งแต่แรกเลยว่า แลมพาร์ด รู้ตื้นลึกหนาบางของสโมสรแห่งนี้เป็นอย่างดีจากการใช้เวลาค้าแข้งนานถึง 13 ปี รู้ว่าวัฒนธรรมสโมสรเป็นอย่างไร ความต้องการเป็นอย่างไร และแฟนบอลต้องการสิ่งไหนซึ่งถ้าจะกล่าวแบบดิสเดรดิตหน่อยก็คือเขารู้ถึงกึ๋น ถึงรากเหง้าของสโมสรมากกว่าท่านประธานอย่าง ท็อดด์ โบห์ลี่ ด้วยซ้ำ แน่นอนว่าเรื่องของความคุ้นเคยไม่ใช่ตัวที่จะมาคอยตัดสินว่าผลงานจะออกมาในรูปแบบไหน ทว่านักเตะ เชลซี ในรุ่นนี้หลายคนเคยร่วมงานกับ แลมพาร์ด มาแล้ว และรู้ใจกันเป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็น เมสัน เมาท์, เอ็นโกโล่ ก็องเต้ หรือ คริสเตียน พูลิซิช
ฉะนั้นในช่วงเวลาสั้นๆ กับกุนซือที่เข้าใจทีม และมีแฟนบอลคอยสนับสนุนชื่อของ แลมพาร์ด จึงกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการนำเข้ามากอบกู้ความมั่นใจ และศรัทธาจากเหล่ากองเชียร์ และนักเตะภายในทีม
ประการที่สอง - สถานการณ์ของทีม
ปัจจุบัน เชลซี รั้งอันดับ 11 ของตาราง ว่ากันตามทฤษฎีแล้วพวกเขายังคงได้ลุ้นพื้นที่ท็อปโฟร์อย่างเต็มตัว ทว่าถ้ามองในทางความเป็นจริงต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะตามหลังอันดับ 4 ไกลถึง 14 คะแนน พร้อมเหลือการแข่งขันในมืออีกเพียง 9 เกม เท่านั้นส่วนในรายการ แชมเปี้ยนส์ลีก แม้จะกรุยทางเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปแล้ว ทว่าด่านต่อไปเรียกได้ว่าสุดหินคือการโคจรมาดวลกับ เรอัล มาดริด เจ้ายุโรปขนานแท้ว่ากันถึงเรื่องพรีเมียร์ลีกกันก่อนจากอันดับที่พวกเขายืนอยู่ สิ่งที่ต้องทำคือการพาทีมจบอันดับให้ดีที่สุด และเป็นไปได้ก็อย่าให้มันต้องร่วงหล่นไปมากกว่านี้ ถ้าตีตั๋วไปเล่นฟุตบอลยุโรปได้ก็อาจเป็นโบนัสให้กับคนทำทีม ส่วนในบอลยุโรปต้องยอมรับว่า “ยาก” แต่ทว่าบอลน็อคเอาท์อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ และไปดูสถิติในบอลยุโรปของ แลมพาร์ด ก่อนคุมทีมครั้งแรก ก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไรมากนัก 14 เกมใน แชมเปี้ยนส์ลีก แพ้เพียง 3 เกมเท่านั้นต่อ บาเลนเซีย และ บาเยิร์น มิวนิค 2 ครั้ง
เรื่องประสบการณ์ต้องยอมรับว่าเป็นรองคู่แข่งอย่าง คาร์โล อันเชล็อตติ หลายขุม แต่อย่างที่บอกฟุตบอลยังไม่ลงสนามไม่มีอะไรการันตี 100% ฉะนั้นแม้ แลมพาร์ด จะอยู่ในช่วงขาลงคุม เอฟเวอร์ตัน มีเปอร์เซ็นต์ชนะเพียง 27% แต่ก็นั้นแหละครับ บางทีนี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของทีมในซีซั่นนี้ก็เป็นได้
ประการที่สาม - ระหว่างรอกุนซือคนใหม่
นี่คงจะเป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงมากที่สุดแล้วระหว่างข่าวของ แฟรงค์ แลมพาร์ด ถูกประโคมขึ้นทางโซเชียลว่าจะเข้ามาขัดตาทัพของทีมจนกระทั่งจบฤดูกาลนับตั้งแต่ที่ตะเพิด เกรแฮม พ็อตเตอร์ ออกจากตำแหน่งไปมีรายชื่อที่เข้ามาอยู่ในโผของ เชลซี เพียงไม่กี่เท่านั้น ซึ่งแต่ละชื่อคือคนที่กำลังว่างงานอยู่ทั้งนั้น และน่าจะเข้ามายกระดับทีมให้ไปได้ไกลมากกว่าเดิมแต่… ปัญหาที่ติดคือเรื่องของโปรแกรม และช่วงเวลาในตอนนี้เพราะฤดูกาลกำลังจะจบลงในอีกไม่กี่สัปดาห์หน้าข้าง บวกกับสถานการณ์ของทีมก็ยังเสี่ยงเหลือเกินในการเข้ามาบริการในทันที ฉะนั้นทางออกที่ดีคือให้กุนซือคนใหม่เข้ามาทำทีม วางรากฐาน จัดการระบบซื้อ-ขาย นักเตะทีเดียวในช่วงซัมเมอร์หน้าไปเลยระหว่างนี้ก็หาใครสักคนมาทำทีมให้ครบโปรแกรม และประคับประคองให้มันเข้าที่เข้าทางมากกว่าเดิมเพียงเท่านั้น
ซึ่งรายนี้ที่กระแสหนักตอนนี้มีอยู่สองรายคือ หลุยส์ เอ็นริเก้ ที่ล่าสุดจากรายงานคือเจ้าตัวเดินทางมายังลอนดอนแล้วเพื่อเข้าพูดคุยกับเหล่าบอร์ดบริหาร ถึงแนวทางทำทีม และรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆส่วนอีกรายคือ ยูเลี่ยน นาเกลส์มมันน์ แต่กับรายนี้สถานการณ์ยังคงนิ่งๆ อยู่ ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวมากนัก แต่ยังคงเป็นหนึ่งในแคนดิเดตที่ทีมอยากได้โค้ชหนุ่มไฟแรงเข้ามากุมบังเหียน
ประการสุดท้าย - สปิริตทีม
หัวข้อสุดท้ายที่แม้เป็นจุดเล็กๆ ที่คอยขับเคลื่อนทีมคือเรื่องของสปิริตทีม การควบคุมห้องแต่งตัวของกุนซือ เพราะถ้าอ้างอิงจากคำพูดของ ไค ฮาเวิร์ตซ์ ที่ออกมาบอกว่านักเตะในทีมบางคนไม่หนุนหลัง พ็อตเตอร์ จึงทำให้ผลงานออกมาเน่าเละแบบนั้น ฉะนั้นการแต่งตั้ง แลมพาร์ด ขึ้นมาอย่างน้อยๆ ก็รวบรวมเหล่านักเตะให้กลับมารวมใจสู้ด้วยกันใหม่ในระยะเวลาที่เหลือ
นักเตะหลายคนเคยผ่านมือมาแล้ว นักเตะหลายคนทันดูความยิ่งใหญ่ของ แลมพาร์ด สมัยเป็นนักเตะ บวกกับถ้าดูจากรอบแรกที่คุมทีมเจ้าตัวพาทีมมีสปิริตดีเหลือเกินแน่นอนว่าเราไม่อาจคาดการณ์ได้เลยว่า แลมพาร์ด กับการรีเทิร์นรอบ 2 ผลงานจะออกมาไฉไลมากเพียงใดแต่มันคงเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดีที่สุดของทีมในห้วงเวลา และสถานการณ์แบบนี้
คอนเทนต์เพิ่มเติม :: ฟุตบอลคอนเทนต์
รับชมฟุตบอลออนไลน์ :: ดูบอลสด
ติดตามบทวิเคราะห์บอลเพิ่มเติม :: วิเคราะห์บอลวันนี้