ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาคงไม่มีนักเตะคนใดที่โลกจะมืดมนไปกว่า ติโม แวร์เนอร์ อีกแล้ว หลังผลงานทั้งในระดับทีมชาติ และสโมสรน่าผิดหวังออกทะเลมา 2 นัดติดต่อกัน

ในศึกฟุตบอลโลก 2020 รอบคัดเลือกโซนยุโรป พลาดจ่อๆ แบบน่าเขกกระโหลก จนเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ เยอรมัน แพ้ให้กับทีมรองบ่อนอย่าง มาซิโดเนีย เสียสถิติไร้พ่ายรอบคัดลือก ที่รักษามายาวนานกว่า 20 ปี

ขณะที่เกมพรีเมียร์ลีก แม้จะไม่มีข้อผิดพลาดแบบชัดเจน แต่การเป็นกองหน้าที่ “ตีนบอด” อย่างต่อเนื่อง 22 นัดหลังสุดในลีกยิงได้แค่ลูกเดียวย่อมกลายเป็น “แพะรับบาป” เนื่องจาก เชลซี ฟอร์มหลุดแพ้คาบ้านต่อ เวสต์ บรอมวิช 2-5

หลัง โธมัส ทูเคิ่ล คุมทีมไม่แพ้ใครมา 14 นัดติดต่อกัน จนผงาดคว้ากุนซือยอดเยี่ยมประจำเดือนมีนาคม แต่เจ้าตัวก็โดน “อาถรรพ์รางวัล” เล่นงาน แพ้นัดแรกให้กับทีมหนีตายชนิด “น่าอับอาย” อยู่ไม่น้อย

จากรองดาวซัลโวบุนเดสลีกาที่มีแค่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ จักรกลล่าสกอร์เพียงคนเดียวที่ทำได้มากกว่า สถิติยิงไป 34 ประตูจากการลงสนาม 45 นัดนับรวมทุกรายการในซีซั่นที่ผ่านมา ไม่มีใครคาดว่าว่า แวร์เนอร์ จะเละเทะขนาดนี้

“ความมั่นใจ” คือสิ่งที่ขาดหาย หลุดไปเดี่ยวๆ ยิงออก ชาร์จจ่อๆ ก็แป้ก ทำอะไรก็ดูแย่ไปหมด แม้ ทูเคิ่ล จะหนุนหลังอยู่ แต่ความจริงว่าส่วนหนึ่งคือ เชลซี ชุดนี้ยังไม่มีกองหน้าเบอร์ 1 ทำให้โอกาสยังวนอยู่เรื่อยๆ

ไม่ได้คิดจะดูถูก “สิงห์บลูส์” แต่อย่างใด แค่สงสัยว่าในเสี้ยวความความรู้สึกของ แวร์เนอร์ เจ้าตัวจะเสียดายหรือไม่ที่ชวดย้ายไปอยู่กับ ลิเวอร์พูล ทีมที่มีข่าวกับเขาเป็นทีมแรกๆ และจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ก็ดูว่าจีบกันจริงด้วย

ฟาบริซิโอ โรมาโน่ กูรูซื้อขายเคยรายงานว่าดาวยิงทีมชาติเยอรมัน มีการพูดคุยทางโทรศัพท์กับ เจอร์เก้น คล็อปป์ อยู่บ่อยครั้ง โดย แวร์เนอร์ บอกว่าจะเปลี่ยนใจก็ต่อเมื่อ “หงส์แดง” ตัดสินใจยอมแพ้ไปเอง

เรื่องราวทุกอย่างก็เป็นไปตามนั้น ลิเวอร์พูล คือหนึ่งในทีมที่เจอพิษเศรษฐกิจหลังโคโรน่าไวรัสแพร่กระจายไปทั่วโลก พวกเขาไม่สามารถคำนวนได้ว่าโลกฟุตบอลจะไร้แฟนบอลอีกนานแค่ไหน และทีมจำเป็นต้องรักษาสภาพคล่องทางการเงินไว้ก่อน

“ติโม แวร์เนอร์ เป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม แต่ทุกสโมสรกำลังสูญเสียรายได้ ไม่มีแฟนบอล ตั๋วขายไม่ได้ การพูดคุยกับนักเตะเพื่อขอลดเงินเดือน แต่ถ้าสโมสรไปทุ่้มซื้อนักเตะสักคน 50-60 ล้านปอนด์ มันก็ต้องอธิบายกัน” คล็อปป์ เคยพูดถึงดีลกับ แวร์เนอร์ เมื่อเดือนมิถุนายนปีก่อน

ด้วยความสัตย์จริง เชลซี กับ ลิเวอร์พูล ไม่ได้แตกต่างกันเลย พวกเขาคือบิ๊กทีมระดับลุ้นแชมป์ของพรีเมียร์ลีก แต่มันปฎิเสธไม่ได้ ว่ามีปัจจัยบางอย่างที่น่าคิดเหมือนกันว่าหาก แวร์เนอร์ ได้ย้ายซบ ลิเวอร์พูล เขาอาจจะเริ่มต้นในลีกอังกฤษ ได้ดีกว่านี้

หลักๆ เลยคือการได้ทำงานร่วมกับ เจอร์เก้น คล็อปป์ ซึ่งตามโปรไฟล์แน่นอนว่ากุนซือชาวด๊อยซ์ลันด์ เก่งกว่า แฟรงค์ แลมพาร์ด ที่เพิ่งเทิร์นโปรงาน MANAGER เข้าสู่ปีที่ 3 เท่านั้น

การได้ทำงานกับกุนซือที่พูดภาษาเดียวกัน ก็น่าจะช่วยในเรื่องการปรับตัวได้ง่ายขึ้น เรื่องของแท็กติกการทำทีมก็ด้วย ฟุตบอลที่ไม่ได้มีหน้าเป้าที่ชัดเจน การบีบพื้นที่ การเคลื่อนที่ของผู้เล่น มันมีกลิ่นอายของฟุตบอลเยอรมัน ที่มีความคล้ายคลึงกับ ไลป์ซิก มากกว่า

ที่สำคัญเลย คล็อปป์ พิสูจน์ให้เห็นมาแล้วนักต่อนักว่าเขาเป็นหนึ่งในกุนซือที่ปลุกปั้นดาวยิงมาแล้วมากมาย โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, ปิแอร์ เอเมริค โอบาเมย็อง, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และ ซาดิโอ มาเน่ ก่อนจะมาอยู่ในร่างเทพดังเช่นปัจจุบัน ส่วนใหญ่ก็เป็นเพียงหัวหอกเกรดบี

อย่างไรก็ตามภายหลัง ลิเวอร์พูล ตัดสินใจไปคว้าตัวเป้าหมายรองอย่าง ดิโอโก้ โชต้า กองหน้าของ วูล์ฟแฮมป์ตัน มาร่วมทีมด้วยค่าตัวสูงถึง 45 ล้านปอนด์ ถูกกว่าที่ เชลซี ยอมจ่ายให้ แวร์เนอร์ เพียง 2.5 ล้านปอนด์เท่านั้น

ตอนแรกก็สงสัยว่าทำ “หงส์แดง” ถึงกล้าจ่ายหนักให้กับหัวหอกที่ชื่อชั้นด้อยกว่าขนาดนี้ แต่พอไปดูเงื่อนไขการจ่ายเงินก็ถึงบางอ้อพอดี ดีลกับทีม “หมาป่า” เป็นค่าตัวเบื้องต้น 41 ล้านปอนด์ แถมผ่อนชำระงวดแรกไม่ถึง 10 ล้านปอนด์ด้วย ส่วนอีก 4 ล้านก็ตามเงื่อนไขอีกที

การตัดสินใจคว้าหัวหอกชาวโปรตุกีส มาร่วมทีมเสมือนสามล้อถูกหวยชัดๆ เพราะเป้าหมายแรกอย่าง แวร์เนอร์ แพงไปเทียกับสภาพเศรษฐกิจตอนนี้ เช่นเดียวกับเป้าหมายรองอย่าง อิสไมล่า ซาร์ ปีกเนื้อหอมชาวเซเนกัล ทั้งๆ ที่ วัตฟอร์ด ตกชั้นก็โกงค่าตัวจนสู้ไม่ไหว

หวยมาออกที่ โชต้า แต่ทุกอย่างกลายเป็นลงล็อกเฉยเลย อดีตหอกของ วูล์ฟแฮมป์ตัน ปรับตัวเข้ากับระบบของ คล็อปป์ ได้แบบลงตัวขนาดเจ็บไปเกือบ 3 เดือนยังยิงไปแล้วถึง 8 ประตูทั้งๆ ที่ลงเล่นเพียง 13 เกมเท่านั้น

เรื่องราวของ แวร์เนอร์ กับ โชต้า เปรียบให้เห็นภาพง่ายๆ ตอนนี้คงเป็น สีขาว และ สีดำ ซัมเมอร์ก่อนหัวหอกทีมชาติเยอรมัน ยังดูดีกว่า เนื้อหอมกว่า แต่เพียงแค่ปีเดียว จากจุดเปลี่ยนที่เดินสวนทางกัน กลายเป็นสลับขั้วแสงสว่างกับความมืดไปโดยปริยาย

ชั่วโมงชื่อของ ดิโอโก้ โชต้า อยู่บนสปอร์ตไลฟ์ใครๆ ก็จับตามองเพราะทำอะไรก็ดีไปหมด สโมสรก็ดี ทีมชาติก็ยึดตัวจริงได้ ผิดกับ แวร์เนอร์ ที่ดูมืดบอดและคงต้องพยายามอีกเยอะที่จะเรียกความมั่นใจและฟอร์มกลับคืนมา

แต่ก็ไม่รู้ว่าหัวหอกวัย 24 ปีจะมีเวลามากแค่ไหน เพราะสโมสรที่เขาอยู่คือ เชลซี ที่ขึ้นชื่อเรื่องใจร้อน ดูได้จากหอกดาวดังมากมายที่เคยมาสิ้นชื่อที่นี่ อังเดร เชฟเชนโก้, เฮอร์นัน เครสโป, มาเตย่า เคซมัน, อาเดรียน มูตู และ กอนซาโล่ อิกวาอิน พวกนี้มีใครบ้างที่แฟนบอลไม่รู้จัก