fbpx

เจมส์ แมดดิสัน ยอดกองกลางเทพฟรีคิก

เจมส์ แมดดิสัน ยอดกองกลางเทพฟรีคิก

ประวัตินักฟุตบอล : เจมส์ แมดดิสัน

ชื่อเต็ม :: เจมส์ ดาเนียล แมดดิสัน
วันเกิด :: 23 พฤศจิกายน ค.ศ. 1996
สถานที่เกิด :: เมืองโคเวนทรี ประเทศอังกฤษ
ส่วนสูง :: 175 เซนติเมตร
สัญชาติ :: อังกฤษ
ตำแหน่ง :: กองกลาง
สโมสรปัจจุบัน :: เลสเตอร์ ซิตี้

เจมส์ แมดดิสัน (James Maddison)

เจมส์ แมดดิสัน เกิดที่เมืองโคเวนทรี ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 1996 เขาเติบโตมาในครอบครัวที่หลงใหล และคลั่งไคล้ในกีฬาฟุตบอลแบบสุดๆ โดยครอบครัวของเขานั้นชื่นชอบทีม “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นอย่างมาก ซึ่งนั่นจึงทำให้ เจมส์ กลายเป็นสาวก เรด เดวิลล์ ไปโดยปริยายตั้งแต่เขาเริ่มจำความได้ 

จุดเริ่มต้นของ แมดดิสัน 

เจมส์ แมดดิสัน ยอดกองกลางเทพฟรีคิก

เด็กหนุ่มวัย 8 ขวบ เขาได้เริ่มต้นเส้นทางสายลูกหนังอย่างเป็นทางการ โดยเขาได้สมัครเข้าเป็นนักเตะเยาวชนของทีม โคเวนทรี ซิตี้ สโมสรในบ้านเกิดของเขาในปี 2004 แม้ในช่วงเริ่มต้นเขาจะถูกประเมินจากโค้ชเยาวชนว่า เป็นนักเตะที่ไม่ได้เรื่องที่สุดในรุ่น แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเสียขวัญกำลังใจ หรือย่อท้อต่อการเล่นฟุตบอลแม้แต่อย่างใด เขาได้เอาความอ่อนแอใช้มันมาเป็นแรงผลักดัน เขาพยายามฝึกซ้อมอย่างหนักจนทำให้ฝีเท้าของเขาพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเขาได้กลายเป็นกำลังหลักของทีมเยาวชน และได้สวมเสื้อหมายเลข 10 ให้ทีมในเวลาต่อมา

เส้นทางค้าแข้งของเขากับสโมสรโคเวนทรี ซิตี้

ในปี 2013 แมดดิสัน ในวัยเพียง 17 ปี ก็ถูกดันขึ้นทีมชุดใหญ่ของสโมสร โคเวนทรี ซิตี้ และได้เล่นอยู่ใน ลีกวัน หรือลีกลำดับที่ 3 ของอังกฤษ เด็กหนุ่มวัย 17 ปี ได้รับโอกาสประเดิมสนามให้กับทีมชุดใหญ่ ในฤดูกาล 2014/15 ในศึก ลีก คัพ รอบแรกที่ โคเวนทรี เปิดบ้านพ่ายให้กับ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ 1-2 เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2014 ก่อนที่เขาจะได้ลงเล่นในศึกลีกวัน และเพียงการลงสนามเป็นเกมที่ 3 ในลีก แมดดิสัน ก็ทำประตูแรกได้สำเร็จจากลูกฟรีคิก ในเกมที่ดวลกับ โอลด์แฮม แอธเลติก และได้พ่ายถึง 4 ประตูต่อ 1 เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2014

จุดเปลี่ยนสำคัญของ แมดดิสัน

เขาได้แจ้งเกิด และเริ่มมีชื่อเสียงในเรื่องของลูกเซ็ตพีซ หลังจากนั้น เจมส์ ก็พัฒนาทักษะฝีเท้าได้อย่างเป็นอย่างดี จนกลายเป็นแข้งดาวรุ่งที่ทุกทีมจับตามองมากที่สุดคนหนึ่ง ณ เวลานั้น จนกระทั่งเดือนกุมภาพันธ์ 2016 นอริช ซิตี้ ตัดสินใจคว้าตัวเขาไปร่วมทีมด้วยค่าตัวราว 2 ล้านปอนด์ แต่ทีม “นกขมิ้นเหลืองอ่อน” ก็ปล่อยให้เขาเล่นที่ โคเวนทรี ต่อ ด้วยสัญญายืมตัวจนจบซีซั่น 2015/16 ทำให้เขาได้ยิงประตูให้ต้นสังกัดแรกในชีวิตไปทั้งสิ้น 5 ประตู กับอีก 5 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 42 นัด

แมดดิสัน กับการลงเล่นให้กับ นอริช แบบเต็มตัว

ในฤดูกาล 2016/17 เจมส์ แมดดิสัน ได้ประเดิมสนามให้ นอริช ซิตี้ ในศึก คาราบาวคัพ รอบรองชนะเลิศ ซึ่งเป็นการลงสนามพบกับสังกัดเก่าของเขาอย่าง โคเวนทรี ในเกมนั้นเขาได้ทำ 2 แอสซิสต์ และช่วยให้สโมสรใหม่ถล่มทีมเก่าไปถึง 6-1 เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2016 ทว่าหลังจากนั้นเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น เขาก็ถูกปล่อยให้ออกไปเก็บประสบการณ์เพิ่มเติมในลีก สก็อตติช พรีเมียร์ลีก กับสโมสร อเบอร์ดีน

แมดดิสัน กับการถูกยืมตัวไปอยู่กับ อเบอร์ดีน

แมดดิสัน เขาสามารถปรับตัวเข้ากับทีมใหม่ได้อย่างรวดเร็ว และกลายเป็นขวัญใจชิ้นงามของแฟนบอล อเบอร์ดีน ในเวลานั้น เมื่อเขาเป็นคนที่ปั่นฟรีคิกในนาทีสุดท้ายของเกมซึ่งกลายประตูชัยช่วยให้ทีมเฉือนชนะ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส 2 ประตูต่อ 1 ในถิ่น พิตโทรดี้ สเตเดี้ยม  หลังจากที่เขาย้ายร่วมทีมได้เพียงไม่ถึง 1 เดือนเท่านั้น แม้ว่าเขาจะอยู่กับ อเบอร์ดีน เพียงแค่ไม่นาน เขาก็ได้รับประสบการณ์มากมาย และประสบความสำเร็จสโมสร จากการเล่นในลีกสูงสุดของ สก็อตแลนด์ เมื่อยิงไป 2 ประตู และทำไปถึง 7 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 14 เกมในลีก จนทำให้ นอริช ซิตี้ ต้นสังกัดที่แท้จริงต้องเรียกเขากลับสู่ถิ่นในช่วงต้นปี 2017

กลับมาพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งที่ นอริช ซิตี้

หลังจากเขากลับมาลงสนามให้ นอริช อีกครั้งในวัย 21 ปี ช่วงท้ายฤดูกาล 2016/17 ของศึก แชมเปี้ยนชิพ และสามารถทำประตูแรกได้ทันที ในเกมแรกที่ลงสนาม ที่พวกเขาบุกไปเอาชนะ เปรสตัน นอร์ธ เอนด์ 3 ประตูต่อ 1 ในซีซั่น 2017/18 ก็กลายเป็นปีที่ฟอร์มของ แมดดิสัน ร้อนแรงถึงขีดสุดเมื่อเขากลายเป็นนักเตะตัวหลัก ในบทบาทจอมทัพของ นอริช ซิตี้ แบบเต็มตัวก่อนที่เขาจะระเบิดฟอร์มทำไปถึง 15 ประตู กับอีก 11 แอสซิสต์ จากการลงสนามถึง 49 นัดในทุกรายการ คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของสโมสรแบบไร้ข้อกังขา

การได้ย้ายซบ เลสเตอร์ ซิตี้

จากฟอร์มสุดฮอตของเขาทำให้ “จิ้งจอกสีน้ำเงิน” เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมดังในศึก พรีเมียร์ลีก รีบยกขันหมากมาขอ และตัดสินใจกระชากตัว แมดดิสัน ไปร่วมทีมในช่วงกลางปี 2018 ด้วยค่าตัวราว 22 ล้านปอนด์ พร้อมมอบเสื้อหมายเลข 10 ให้กับเขาทันที และเขาก็ไม่ทำให้ทีมผิดหวังเมื่อ เจมส์ แมดดิสัน กลายเป็นกำลังหลักในถิ่น คิงพาวเวอร์ สเตเดี้ยม เขาได้พัฒนาและยกระดับฝีเท้าจนก้าวไปเป็นเพลย์เมคเกอร์ ที่สร้างสรรค์เกมรุกให้ทีมได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาล 2018/19

ความฝันของ เจมส์ แมดดิสัน 

ด้วยผลงานการเล่นที่ยอดเยี่ยมของ แมดดิสัน ทำให้เขาตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับทีมยักษืใหญ่มากมายโดยเฉพาะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมในดวงใจของเขา ทว่าท้ายที่สุดแล้วการย้ายทีมก็ไม่เกิดขึ้น และเขายังคงอยู่กับ เลสเตอร์ ซิตี้ ต่อไป ในฤดูกาล 2020/21 เมื่อผ่านไปเพียง 22 เกมของซีซั่น เขาสามารถทำไปได้แล้วถึง 6 ประตูกับอีก 7 แอสซิสต์ฟอร์มของยอดนักเตะรายนี้ก็ร้อนแรงขึ้นไปอีก  ทำให้มีโอกาสสูงเหลือเกินที่ แมดดิสัน จะทำผลงานในศึก พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ได้ดีกว่า 2 ปีที่ผ่านมา คงต้องมารอดูกันต่อไปว่าในอนาคตอันใกล้นี้ เขาจะได้ย้ายไปเล่นให้กับทีมยักษ์ใหญ่ในลีกตามรอยนักเตะฝีเท้าดีหลายรายที่เคยย้ายออกจาก เลสเตอร์ ซิตี้ ไปก่อนหน้านี้ได้หรือไม่ ถ้าหากเขายังคงรักษามาตรฐานการเล่นแบบนี้ได้ต่อไปเรื่อยๆ แน่นอนว่าความฝันของนักเตะรายนี้จะรอเขาอยู่ไม่ไกลอย่างแน่นอน

ติดตามประวัตินักฟุตบอลเพิ่มเติม :: ประวัตินักฟุตบอล

ขอขอบคุณแหล่งที่มาข้อมูล : wikipedia

Instagram  : madders

Twitter : Madders10

facebook : James Maddison