fbpx

ทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ทำผลงานย่ำแย่ในศึกดูไบ คัพ 2022 หลังจากพ่ายแพ้ 3 เกมรวด ต่อ การ์ตา 1-0 ต่อมาแพ้ทัพลูกหนัง แดนมังกร จีน 4-2 และ นัดสุดท้ายโดนทีเด็ด อิรัก ในช่วงนาทีบาป แพ้ไป 2-1

นั่นทำให้ “ช้างศึกพลังหนุ่ม” จมบ๊วยของทัวร์นาเมนต์ ชนิดแฟนบอลต้องออกมาขับไล่ “โค้ชโย่ง” วรวุฒิ ศรีมะฆะ ให้ลาออกจากตำแหน่งเฮดโค้ช เพื่อรับผิดชอบผลงานสุดห่วยนี้

แต่ถ้ามองภาพรวม ภาพจริง แบบไม่อคติ ค่อนข้างเห็นใจ “โค้ชโย่ง” ที่โดนก้อนหินตลอด ตั้งแต่ได้แชมป์ซีเกมส์ จนถึงผ่านเข้ารอบสุดท้าย ศึงชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี

ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ วิธีการทำทีมของ “โค้ชโย่ง” ไม่ใช่สายบุกแหลก แต่เป็นแนวเน้นผลการแข่งขันและเกมรับ

แต่เอาตรงๆ การที่ “โค้ชโย่ง” พาทีมบรรลุเป้าหมายต่างๆ สำเร็จ ต้องได้รับการชื่นชมบ้าง

ส่วน ดูไบ คัพ ต้องยอมรับเลยว่าเหมือนฉายหนังเรื่องเก่า เหมือนกัน ศึกชิงแชมป์เอเชีย ที่มองโกเลีย ที่ไม่มีได้ฝึกซ้อม เดินทางไปถึงก็แทบจะแข่งขันกันเลย

อาจเป็นรูปภาพของ 6 คน และ ผู้คนกำลังยืน
หากจะโทษต้องโทษตั้งแต่การจัดการของสมาคมฯ ที่ไม่จัดแคมป์ฝึกซ้อมในช่วงไทยลีกหยุดการแข่งขันเดือน ธันวาคมที่ผ่านมา

ถ้ามีแคมป์ตอนนั้น “โค้ชโย่ง” น่าจะมีเวลาเตรียมทีม ได้เรียนรู้นักเตะ และใส่แท็คติคที่ต้องการใช้ให้นักเตะบางส่วนบ้าง

แต่พอไม่มี แถมโปแกรมฟีฟ่าเดย์ เดือน มกราคม ก็ล่มไปอีก จนต้องใช้เวทีดูไบ คัพ ลองทีมซึ่งสภาพก็เละ อย่างที่เห็น

มันไม่มีฟุตบอลชาติไหนหรอกครับ ที่ไม่ซ้อมแล้วจะประสบความสำเร็จ

ตรงนี้ถือเป็นบทเรียนให้ สมาคมฯ, “มาดามแป้ง” ผู้จัดการทีมต้องเร่งหาทางออก โดยเฉพาะการหาโปรแกรมฝึกซ้อมให้ ทีมชาติไทย U-23 ก่อนทำศึกซีเกมส์ และชิงแแชมป์เอเชีย รอบสุดท้ายที่ อุซเบกิสถาน ต่อไปเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำๆ อีก

หากเตรียมทีมดี สุดท้ายไม่ประสบความสำเร็จ เชื่อว่า “โค้ชโย่ง” แมนพอที่รับผิดชอบผลงานด้วยการลาออก

ตอนนี้ยังสนนับสนุนให้ “โค้ชโย่ง” ไปต่อให้สุดทาง เพราะหากเปลี่ยนขุนศึกกลางทาง ก็ต้องกลับไปนับ 1 กันใหม่ไม่มีที่สิ้นสุด