fbpx

การไม่ได้แม้กระทั่งเป็นผู้ท้าชิงแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ สำหรับทีมใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มองยังไงก็คือล้มเหลว หรือพูดให้เบาลงหน่อยก็คงประมาณว่าต่ำกว่าเป้าหมายที่ควรจะเป็น

จากผลงานซีซั่นก่อนที่เป็นถึงรองแชมป์ลีก บวกกับการเสริมทัพที่ได้น้ำได้เนื้อ นักเตะอย่าง ราฟาแอล วาราน, เจดอน ซานโช่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คือซูเปอร์สตาร์ตัวท็อปในตำแหน่งของตัวเอง

อย่างไรก็ตาม “ผีแดง” แม้จะออกสตาร์ตได้สวย แต่อยู่ดีๆ ก็เป๋ไปเสียเอง สุดท้าย โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ที่หาทางพาทีมกลับเข้าฝังไม่ได้ก็ต้องรับผิดชอบต่อผลงาน เพื่อให้สโมสรได้เริ่มต้นใหม่กับใครที่ดีกว่า

ราล์ฟ รังนิก ที่เข้ามารับเผือกร้อนแทนก็เป็นไปแบบทุลักทุเล ในลีก 12 เกมจนถึงนาทีนี้แม้จะแพ้ วูล์ฟแฮมป์ตัน แค่เกมเดียว แต่ก็หนักเสมอไปถึง 4 นัด ส่วนที่ชนะ 7 เกมเอาจริงๆ ก็มีที่ประทับใจแทบนับนิ้วได้

ตอนนี้คนที่โดนโจมตีหนักที่สุดในรั้วโอลด์ แทฟฟอร์ด คงหนีไม่พ้น แฮร์รี่ แม็คไกวร์ กองหลังดีกรีทีมชาติอังกฤษ ที่เล่นเหมือนคนขาดความมั่นใจ มีข้อผิดพลาดให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง พลาดบ่อยจนโดนกุข่าวว่าอาจโดนริบปลอกแขนกัปตันทีม

อย่างไรก็ตาม ทิม เชอร์วู้ด อดีตกุนซือของ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ กับสวนกระแสชาวบ้าน โดยชี้ว่า ราฟาแอล วาราน คือต้นตอขอปัญหาที่แท้จริง และสมควรโดนตัดชื่อออกจาก 11 คนแรกมากกว่าอดีตกองหลังของ ฮัลล์ ซิตี้

มุมมองของ อดีตกัปตันทีม แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ชุดแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 1994-95 ชี้ว่าเซนเตอร์ฮาล์ฟแชมป์โลก ไม่ได้อยู่ในฟอร์มเก่งเหมือนสมัยเล่นให้ เรอัล มาดริด และตั้งแต่ย้ายมาก็บาดเจ็บบ่อยครั้งจนไม่ได้ลงสนามแบบสม่ำเสมอ

ที่สำคัญ เชอร์วู้ด ให้น้ำหนักในเรื่องสไตล์การเล่น ความเข้าขารู้ใจ ซึ่งเขามองว่า วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ เหมาะสมกว่าที่จะจับคู่หูของ แม็คไกวร์ พิสูจน์ได้จาก 2 เกมหลังสุดที่ทีมชนะทั้ง ไบรท์ตัน และ ลีดส์

ประเด็นนี้ถือว่าน่าสนใจ และเราอยากรู้ว่าสถิติข้อมูลที่เป็นรูปธรรมสามารถตอบข้อสงสัยในเรื่องนี้ได้หรือไม่ และ วาราน จริงๆ แล้วเป็น “จุดอ่อน” หรือเป็นแค่ “แพะ” ในมุมมองของกูรูจากช่องสกายสปอร์ต

ผลงานส่วนตัว (นับรวมทุกรายการ)

วาราน : ลงเล่น 20 นัด ชนะ 9 นัด เสมอ 6 แพ้ 4 (1 แอสซิสต์) / อัตราชนะ 45%

แฟนผีเฮ "วาราน" กลับมาซ้อมลุ้นลงตัวจริงเกม แมนยูฯ บุกเยือน สเปอร์ส

แม็คไกวร์ : ลงเล่น 27 นัด ชนะ 15 เสมอ 5 แพ้ 7 (2 ประตู) / อัตราชนะ 55%

เจอได้ตามทีมสมัครเล่น! ฟาน เดอร์ ฟาร์ทจวกแม็คไกวร์ไม่ใช่กองหลังระดับท็อป |  Goal.com

ลินเดอเลิฟ : ลงเล่น 23 นัด ชนะ 12 เสมอ 4 แพ้ 7 (2 แอสซิสต์) / อัตราชนะ 52%

เกิดอะไรขึ้น? รังนิคแจงเปลี่ยนลินเดอเลิฟเพราะมีปัญหาเรื่องหายใจ | Goal.com

ผลงานลงเล่นด้วยกัน (นับรวมทุกรายการ)

วาราน & แม็คไกวร์ : ลงเล่นร่วมกัน 9 เกม ชนะ 4 เสมอ 3 แพ้ 2 (อัตราชนะ 44%) (อัตราแพ้ 11%)

แม็คไกวร์ & ลินเดอเลิฟ : ลงเล่นร่วมกัน 13 เกม ชนะ 7 เสมอ 1 แพ้ 5 (อัตราชนะ 53%) (อัตราแพ้ 38%)

วาราน & ลินเดอเลิฟ : ลงเล่นร่วมกัน 5 เกม ชนะ 3 เสมอ 2 (อัตราชนะ 60%)

ปล.นับเฉพาะเกมที่ออกสตาร์ตตัวจริงร่วมกันเท่านั้น

จากข้อมูลดังกล่าวถือว่าสอดคล้องกับความคิดของ เชอร์วู้ด เพราะใน 3 กองหลัง วาราน คือคนที่มีอัตราชนะน้อยที่สุดเมื่อได้ลงสนาม นอกจากนี้การจับคู่กันระหว่าง วาราน กับ แม็คไกวร์ ก็มีเปอร์เซนต์ชนะน้อยกว่าเวลา แม็คไกวร์ คู่กับ ลินเดอเลิฟ อีกด้วย

อย่างไรก็ตามจะเชื่อสถิติทั้งหมดก็ไม่ถูกนัก เพราะในอีกแง่หนึ่งคู่ของ แม็คไกวร์ กับ ลินเดอร์เลิฟ มีข้อได้เปรียบที่ได้ลงสนามด้วยกันมากที่สุด และถ้าคิดในมุมตรงข้ามดูโอคู่นี้ก็พาทีมแพ้มากกว่าที่ วาราน จับคู่กับ แม็คไกวร์ เช่นกัน

แต่ที่น่าสังเกตคือการจับคู่กันระหว่าง วาราน กับ ลินเดอเลิฟ ที่ไม่ได้ถูกพูดถึงมากนัก กับผลิตผลการแข่งขันที่ดีเกินคาด เพราะ 5 เกม ไม่มีแพ้เลย แถมชนะมากถึง 60% เลยด้วย

เอาจริงๆ ข้อมูลพวกนี้ก็เป็นเพียงตัวเลขที่มาเสริมในเรื่องของเหตุและผลให้ดูมีน้ำหนักมากขึ้น เพราะสุดท้ายแล้วฟุตบอลมันเล่นกันเป็นทีม นักเตะทั้ง 11 คนต้องช่วยกัน มันไม่ใช่ภาระหน้าที่ของเซนเตอร์ฮาล์ฟเพียงแค่ 2 คน

และที่สำคัญผลงานในสนามมันก็เป็นเรื่องที่เถียงกันไม่ได้ เพราะเห็นๆ กันอยู่ แม็คไกวร์ ยังไงก็หนีไม่พ้นคำครหาว่าซีซั่นนี้มีข้อผิดพลาดเยอะ และมันมากพอที่จะเป็นน้ำหนักให้ ราล์ฟ รังนิก ลองดร็อปดูบ้าง

งานนี้เชื่อเหลือเกินว่าสาวก “เรด เดวิลส์” ที่ได้เห็นสถิติที่หยิบยกมาเทียบ น่าจะมีไม่น้อยเลยที่เทใจอยากเห็น ราฟาแอล วาราน ได้ลงจับคู่กับ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ กันสักช่วงเวลาหนึ่งก็ยังดี