fbpx

วันที่ 21 พฤษภาคม 2565 เวลา 11.20 น. ณ ที่ทำการสหพันธ์ฟุตบอลเวียดนาม ฝ่ายจัดการแข่งขันฟุตบอลชายซีเกมส์ จัดงานแถลงข่าวก่อนการแข่งขันฟุตบอลชาย นัดชิงชนะเลิศ ระหว่าง ทีมชาติไทย กับ ทีมชาติเวียดนาม

โดย ทีมชาติไทย ได้ส่ง มาโน โพลกิ้ง หัวหน้าผู้ฝึกสอน พร้อม วสพล แก้วผลึก เข้าร่วมการแถลงข่าว

มาโน โพลกิ้ง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย กล่าวว่า “เราเพิ่งเล่น 120 นาทีไปในรอบรองชนะเลิศ แน่นอนสำหรับทีมของเรา และเวียดนาม ต่างผ่าน 120 นาที มาด้วยกัน ในเรื่องของความล้า ก็พอกัน ไม่ได้มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ เราก็พร้อม”

“การเจอกับแฟนบอลเต็มสนามในนัดชิง แน่นอนแฟนบอลเวียดนามมาเชียร์ด้วยแพชชั่น 40,000 คน ในสนาม ซึ่งก็ทำให้เขาได้เปรียบในฐานะเจ้าภาพและได้เปรียบในตรงนี้ แต่ไม่ใช่เหตุผลนั้นอย่างเดียว เขาเป็นเต็งหนึ่งเพราะเขาเตรียมทีมมา 100 วัน ได้ตัวที่ดีที่สุดของรุ่น ทั้งจากชุดใหญ่และชุดเล็ก มีเวลาเต็มๆ เปรียบเทียบกับเราในการเตรียมทีมแค่วันเดียวก็ต่างกันโดยสิ้นเชิง”

“เขาเป็นเต็งหนึ่งด้วยเหตุผลมากมาย แต่เราก็พร้อม เรามีเกมที่ดี ก่อนจะมาถึงรอบชิงชนะเลิศ เพราะฉะนั้นเราเชื่อมั่นเต็มที่ว่าเราจะเก็บชัยชนะและคว้าเหรียญทองได้”

“ในเกมรอบรองฯการเจอกับ อินโดเป็นเกมที่ยาก แต่เราก็ผ่านมาได้ รอบชิงแน่นอนว่าเวียดนาม ได้เปรียบเรื่องแฟนบอล สำหรับเราแล้วเรามีประวัติศาสตร์ และ สถิติที่ดีในเกมนี้ หวังว่านักเตะจะใช้จุดนี้เป็นแรงจูงใจและแรงผลักดัน ต่อหน้าแฟนบอล ช่วยให้มีสติ และจิตใจแข็งแกร่ง เชื่อมั่นฟุตบอลของเรา และผลงานที่ผ่านมา ในการลงเล่นรอบชิงต่อหน้าแฟนบอล 40,000 คน และตัวผมก็เชื่อมั่นในตัวของนักเตะของเราว่าเราจะผ่านเกมนี้ไปได้”

“เกมกับอินโดมันเป็นเกมที่ตึงเครียด และสูสี เต็มไปด้วยอารมณ์ สิ่งที่เกิดขึ้นในเกมระหว่างเกม มันออกมาดุเดือด เราเข้าใจกันได้ แต่ว่าแฟนบอลอินโดฯ ส่วนใหญ่ เป็นแฟนบอลที่ดี แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกโซเชียล มันคือด้านมืด และเราไม่สามารถควบคุม มันต้องมีอยู่แล้ว แฟนบอลเป็นเกรียนคีย์บอร์ด ที่ตำหนิเท่านั้น โดยไม่เผยตัวตน มันเป็นพื้นที่ที่ควบคุมไม่ได้ ผมคิดว่าเราต้องเข้าใจ ในเกม ไม่มีใครอยากแพ้ แต่เราควบคุมไม่ได้ มันเกินไป อย่างในเกมเราก็สู้กันเต็มที่พอจบเกมก็จับมือกัน ให้ความเคารพกันและกันหลังเกม มีผู้แพ้และผู้ชนะ ในโลกโซเชียล ไม่เป็นอย่างนั้น มันคือด้านมืดที่เราคุมไม่ได้ มันอยูเหนือการควบคุม”

“สุดท้ายแล้วอยากฝากคือเรืองโซเชียลมันคือเรื่องนอกสนาม เราต้องตัดมันออกไป อย่าเสียสมาธิ เพราะเรามีอุปสรรค และเป้าหมายที่สำคัญรออยู่ เราต้องเจอกับทีมที่ดีอย่างเวียดนามที่หยุดลีกมาสี่เดือน มีเวลาเตรียมทีม 100 วัน โค้ชปาร์ค มีโอกาสได้เลือก นักเตะที่ดีที่สุดจากชุดใหญ่และชุดเล็ก แฟนบอลอีก 40,000 คน สิ่งต่างๆมันคือเป้าหมายของเรา ที่ต้องช่วยกัน มีสภาพจิตใจแข็งแกร่ง หาคนที่พร้อมและทำผลงานให้ออกมาดี”

สำหรับ ฟุตบอลทีมชาติไทย จะพบกับ เวียดนาม ที่ หมี่ ดิญ สเตเดียม ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2565 เวลา 19.00 น.