จบแชมเปี้ยนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ ก็เท่ากับเป็นการรูดม่านปิดฉากฟุตบอลลีกฤดูกาล 2020-21 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และโปรแกรมหลังจากนี้จะเข้าสู่โหมดทีมชาติอย่างเต็มตัวหลังมีศึกใหญ่อย่าง ยูโร 2020 รออยู่
แม้จะชื่อเดิมเป็น ยูโร 2020 แต่ก็ถูกเลื่อนมา 1 ปีเนื่องจากมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 งานนี้บอกเลยมีผลไม่มากก็น้อย เพราะบางชาติถึงขั้นต้องเสียนักเตะกำลังสำคัญที่มาเจ็บระหว่างปีที่ผ่านมา
ให้เดาทีมเต็งแชมป์เชื่อว่าแฟนบอลชาวไทยน่าจะเห็นพ้องต้องกันไม่ยากว่าน่าจะมีประมาณ 8 ทีมจากชาติใหญ่ที่ขุมกำลังเหนือกว่าชาวบ้าน แต่ถ้าให้ระบุชื่อว่าใครเป็น “เต็งหนึ่ง” อันนี้คงเสียงแตก เพราะมุมมองคงแตกต่างกันไป
แต่วันนี้ทีมชาติ สิงห์สนามจริง จะลองมาวิเคราะห์ “จุดเด่น จุดด้อย” ของเหล่าชาติตัวเก็งกันดู เพื่อให้คุณผู้อ่านลองพิจารณาดูว่าก่อนที่ทัวร์นาเมนต์จะเริ่ม ชาติไหนมีโอกาสที่ดี และควรจะปันใจเชียร์ทีมใดดี
เต็ง 8 : เนเธอร์แลนด์
จุดเด่น : หลังจากล้มเหลวไม่ได้ลุยรอบสุดท้ายของ 2 ศึกใหญ่อย่าง ยูโร 2016 และฟุตบอลโลก 2018 ทีม กังหันลมสีส้ม ก็ปรับจูนทีมกันใหม่ ให้โอกาสสายเลือดใหม่ขึ้นมาเล่นในทีมของ โรนัลด์ คูมัน ซึ่งก็ทำผลงานได้ดีขึ้นเยอะ ซึ่งรวมๆ พวกเขาเป็นสายสมดุล เน้นทีมเวิร์กเข้าสู้ แนวรุกชื่อชั้นอาจไม่ได้อยู่ในระดับท็อปแต่ผลงานของ เมมฟิส เดอปาย, ดอนเยลล์ มาเล่น และ วูท เว็กฮอร์สต์ ต่างก็ทำผลงานได้ดีในฤดูกาลที่ผ่านมา
จุดอ่อน : ปัญหาใหญ่เลยของ เนเธอร์แลนด์ คือพวกเขาอดใช้งาน เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค กองหลังที่ถูกยกย่องว่าเก่งที่สุดในยุคนี้ ที่ควรจะเป็นจุดแข็งของทีมด้วยซ้ำ นอกจากนี้ เฟรงกี้ เดอ ยอง หรือ มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ ที่พุ่งขึ้นมาสมัยพา อาแจ็กซ์ เข้ารอบรองฯ ยูซีแอล ก็มีฤดูกาลที่ไม่ดีนักเมื่อย้ายไปเล่นต่างแดน ที่สำคัญเลยคือกึ๋นของ แฟรงค์ เดอ บัวร์ เท่าที่เข้ามารับงานต่อจาก โรนัลด์ คูมัน ดูจะพาทีมทำผลงานไม่ดีเท่าไร
เต็ง 7 : อิตาลี
จุดเด่น : การสร้างทีมของ โรแบร์โต้ มันชินี่ ได้รับคำชมอย่างมาก หลังให้โอกาสสายเลือดใหม่ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีม โดยผลงานที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยมในรอบคัดเลือก เป็น 2 ชาติร่วมกับ เบลเยี่ยม ที่ชนะรวดทั้ง 10 เกม แถมยิงได้ถึง 37 เสียแค่ 4 ประตู สะท้อนให้เห็นว่าทีมชุดนี้มีทีมเวิร์กที่ดี เกมรุกที่จัดจ้าน และเกมรับที่แน่นตามสไตล์ “คาเตนัชโช่” ซึ่งใครที่เจอกับ อิตาลี บอกเลยไม่มีง่ายแน่ๆ
จุดอ่อน : ที่น่ากังวลที่สุดของ อิตาลี ชุดนี้น่าจะเป็นเรื่องที่ไม่มีสตาร์เด่นประจำทีมเลย เป็น อิตาลี ที่ต่างจากยุค 90 ชนิดสิ้นเชิง ยุคนั้นนักเตะอย่าง โรแบร์โต้ บัจโจ้, อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ หรือ ฟรานเชสโก้ ต็อตติ คือแฟนตาซิสต้าที่พร้อมพลิกเกมให้ทีมได้เสมอ แต่ชุดนี้ไม่มีใครเป็นเกรดเอ ที่ได้รับการยกย่องจากแฟนบอลเท่าไร ขนาด ชิโร่ อิมโมบิเล่ ที่ยิงกระจายในเซเรียอา แต่ในระดับชาติก็ยังต้องพิสูจน์ตัวเองอีกเยอะ
เต็ง 6 : สเปน
จุดเด่น : พลพรรค “กระทิงดุ” มีสถานการณ์คล้ายๆ กับ เยอรมัน คือผู้เล่นส่วนใหญ่เป็นสายเลือดใหม่ที่ถูกดันขึ้นมาแทนที่ตัวเก๋าๆ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งถ้าหากจะมองหาจุดแข็งที่สุดคงหนีไม่พ้นกองกลาง ที่เด่นในเรื่องเทคนิค การคุมเกม จ่ายบอล ที่พวกเขาไม่เคยขาดหายเลยไม่ว่าจะยุคไหนๆ ผู้เล่นอย่าง เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, ติอาโก้ อัลคันทาร่า, โกเก้, ฟาเบียน รุยซ์ รวมถึง เปดรี้ พวกเขาถ้าฟอร์มเข้าฝักสู้ได้หมดไม่ว่าชาติไหน
จุดอ่อน : การขาดหายไปของ เซร์คิโอ รามอส แน่นอนว่าเกิดคำถามขึ้นมาทันทีว่าแนวรับของ สเปน จะเป็นอย่างไรในศึกใหญ่หนนี้ อายเมริค ลาร์ปอร์กต์ ที่ไปสอยมาได้หลัง ฝรั่งเศส ไม่ยอมเรียกใช้งาน ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยทีมได้มากแค่ไหน เพราะแทบไม่เคยเล่นกับทีมชุดนี้มาเช่นกัน แนวรุกก็ไว้ใจได้ยากชื่อของ อัลบาโร่ โมราต้า กับ เคราร์ด โมเรโน่ เทียบกับชาติใหญ่อื่นๆ เป็นรองเขาหมดทั้งนั้น
เต็ง 5 : เยอรมัน
จุดเด่น : ดูุจาก 26 ขุนพลที่ โยอัคคิม เลิฟ เรียกเข้ามา จุดที่มองว่าน่าเกรงขามที่สุดของ เยอรมัน คงหนีไม่พ้นแดนกลาง ที่พวกเขาจะมี 2 คู่หูจาก บาเยิร์น อย่าง โยซัว คิมมิช และ เลออน กอเรตซ์ก้า ที่เล่นกันอย่างลงเป็นตัว จะร่วมทำเกมกับตัวเก๋าที่ไว้ใจได้อย่าง โทนี่ โครส ซึ่งจุดนี้มั่นใจเลยว่่า อินทรีเหล็ก ไม่ได้เป็นสองรองใครอย่างแน่นอน
จุดอ่อน : เท่าที่ตามผลงานของ เยอรมัน มาในช่วงหลังต้องบอกว่าไม่ลงตัวใดๆ เลย ผลงานที่ผ่านมากระท่อนกระแท่น อย่างล่าสุดก็แพ้ มาซีโดเนีย ในคัดบอลโลกเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทีมชุดนี้กลายเป็นสายเลือดใหม่ที่ยังไม่มีแกนหลักในเกมรับ ส่วนแนวรุก ติโม แวร์เนอร์ ก็ฟอร์มตก ถึงขนาดที่ เลิฟ ต้องกลืนน้ำลายเรียก มัตส์ ฮุมเมิ่ลส์ กับ โธมัส มุลเลอร์ กลับมาติดทีมอีกครั้งน่าจะตอบเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี