การย้ายไปเล่นกับทีมใหญ่อย่าง บาร์เซโลน่า มันคือหนึ่งในความฝันที่นักฟุตบอลอาชีพปราถนา อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับโอกาส และไม่ใช่ทุกคนที่จะมี “ความสุข” เมื่อโอกาสนั้นมาถึง
ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ คือหนึ่งจากหลายๆ ตัวอย่างเกิดขึ้นในถิ่นคัมป์์ นู ดาวเตะแซมบ้า ได้ย้ายมาเล่นให้กับยอดทีมจากแคว้นคาตาลัน แต่ชีวิตจริงที่ต้องเผชิญมันโหดร้ายเกินที่เขาจินตนาการ
ดาวเตะแซมบ้า ไม่ใช่แข้งไก่กา เขาคือดาวเด่นของพรีเมียร์ลีก หลังทำผลงานได้อย่างสุดยอดกับ ลิเวอร์พูล ดีถึงขนาด บาร์ซ่า ต้องยอมจ่ายเงินเบื้องต้น 105 ล้านยูโรดึงมาร่วมทีม
อย่างไรก็ตามไม่ว่าใครจะก้าวขึ้นมาเป็นเฮดโค้ชใหญ่ของสโมสร แต่ “คูตี้” ก็มักจะกลายเป็นแข้งส่วนเกินของทีมอยู่เสมอ แม้เจ้าตัวจะไม่เคยปริปากพูด แต่สีหน้าและแววตาก็ฟ้องให้เห็นว่าเขาหดหู่แค่ไหน
การเลือกย้ายมาอยู่กับ บาร์เซโลน่า นับถึงตอนนี้คงพิสูจน์ได้เต็มปากว่าเป็นการตัดสินใจที่ “ผิดพลาด” ซึ่งจริงๆ มันผิดเพี้ยนตั้งแต่แรก เพราะไม่ได้เล่นกับเพื่อนซี้อย่าง เนย์มาร์ ที่เลือกย้ายออกไปก่อนหน้าเพียง 6 เดือนเท่านั้น
ใครที่ตามข่าวสมัยนั้นคงจำได้ดี ทั้งคู่คือเพื่อนร่วมชาติในรุ่นราวคราวเดียวกัน มีรูปสมัยเด็กถ่ายคู่กัน และเป็นอดีตแข้งซานโต๊ส ที่พูดออกสื่ออยู่บ่อยครั้งว่าอยากให้ คูตินโญ่ ย้ายมาเล่นด้วยกันในถิ่นคัมป์ นู
“ถ้าให้ผมเลือกนักเตะสักคนจากพรีเมียร์ลีกให้ย้ายมาเล่นให้กับ บาร์เซโลน่า แน่นอนว่า คูตินโญ่ คือคนๆ นั้น เขามีศักยภาพสูงมากที่จะเล่นร่วมกับเราที่นี่ ผมคิดว่าเพื่อนรักของผมคือคนที่มีสไตล์เหมาะกับ บาร์ซ่า ที่สุด”
พูดถึงเส้นทางอาชีพของ “คูตี้” เจ้าตัวอาจมีจุดเริ่มต้นไม่ต่างจากสตาร์ดาวดังแซมบ้า ทั่วๆ ไป คือสร้างชื่อกับเยาวชนในลีกบ้านเกิดอย่าง วาสโก ดา กาม่า ก่อนไปเตะตาถูก อินเตอร์ เซ็นสัญญาตั้งแต่อายุ 16 ปี
การเล่นยุโรปปีแรกแม้ ราฟาเอล เบนิเตซ จะไม่ใช่คนที่ซื้อเขาเข้าสู่ทีม “งูใหญ่” แต่ก็รักเขาไม่ต่างจากลูกในไส้ พยายาม “ดันดารา” อย่างเต็มที่ แม้ฟอร์มของ คูตินโญ่ จะ 3 วันดี 4 วันไข้ก็ยังให้โอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่อง
“ผมรู้จักเขาเพราะเขาเป็นนักเตะของผมที่ อินเตอร์ เมื่อตอนที่เขายังเด็ก ตอนอายุ 18 ปี เขาเป็นคนขี้อายมาก แต่ก็เป็นเด็กดี ทำงานหนัก เขามีศักยภาพ สร้างความแตกต่างได้ในตอนซ้อม เขามีพรสวรรค์” เบนิเตซ เคยพูดถึงอดีตลูกทีมของเขา
อย่างไรก็ตามเวลาแห่งความสุขมักสั้นเสมอ “เอล ราฟา” อยู่คุมทีม “เนรัซซูรี่” แค่ช่วงแปปเดียว เนื่องจากพาทีมทำผลงานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย พอมีการเปลี่ยนแปลงนายใหญ่เกิดขึ้นกราฟชีวิตของ คูตินโญ่ ก็เจอหายนะทันที
แม้จะมีผลงานที่ยอดเยี่ยมในลา ลีกา สเปน กับ เอสปันญ่อล แต่มันก็ไม่ดีพอที่จะเป็นใบเบิกทางให้เขากลับสู่ชุดใหญ่ของ อินเตอร์ ภายใต้การคุมทีมของ วอลเตอร์ มาซซารี่ ได้ลงเล่นเพียง 10 นัดในครึ่งเลกแรก
ดาวเตะดีกรีแชมป์ฟุตบอลโลก รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี มาเจอจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญเมื่อตัดสินใจย้ายมาเล่นให้ ลิเวอร์พูล ในปี 2012 การได้เจอกับ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เสมือนยากระตุ้นชั้นดีที่สร้างรอยยิ้มให้กับเขาอีกครั้ง
แผนการเล่นที่เน้นเกมรุกเป็นหลัก บวกกับได้ผสานงานกับนักเตะที่เซ้นส์ฟุตบอลทันกันอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ และ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ทำให้ คูตินโญ่ ฉายแววเทพ ค่อยๆ พัฒนาฝีเท้าจนกลายเป็นตัวท็อปของพรีเมียร์ลีก
ยิ่งมาอยู่ภายใต้การคุมทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ยิ่งเปล่งประกายหนักกว่าเดิม ฤดูกาล 2016-17 “คูตี้” ยิงในฟุตบอลลีกได้ถึง 13 ประตู นับเป็นจำนวนสกอร์ที่ทำได้มากที่สุดต่อ 1 ฤดูกาลลากยาวมาจนถึงตอนนี้
“ถ้า คูตินโญ่ อยู่กับเรา สุดท้ายพวกเขาจะสร้างรูปปั้นเพื่อเป็นเกียรติให้แก่คุณ แต่ถ้าคุณย้ายไปทีมอื่น บาร์เซโลน่า, เรอัล มาดริด หรือ บาเยิร์น คุณจะกลายเป็นแค่นักเตะธรรมดาๆ เท่านั้น”
กุนซือของ “หงส์แดง” เคยพูดไว้แม้ คูตินโญ่ อาจรู้สึกเจ็บช้ำหัวใจแต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่ามันคือเรื่องจริง
มองเรื่องราวจากอดีตมาถึงปัจจุบัน คูตินโญ่ อาจจะเผชิญหน้ากับฉากคุ้นเคยที่เขาคุ้นเคย อดีตเคยล้มเหลวกับทีมใหญ่กับ อินเตอร์ แต่ก็มาฟื้นคืนชีพหลังย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีก กับ ลิเวอร์พูล
ส่วนหนนี้ล้มเหลวไม่เป็นท่ากับ บาร์เซโลน่า และกำลังจะมากู้ชื่ออีกครั้งในพรีเมียร์ลีก หลังตกลงย้ายมาเล่นให้กับ แอสตัน วิลล่า ด้วยสัญญายืมตัวไปจนจบฤดูกาล
การได้หวนทำงานกับเพื่อนเก่าอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด อยู่ในทีมที่ค่าเลเวลของเขาสูงที่สุด มีโอกาสที่จะได้เล่นตำแหน่งถนัด กลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญในแนวรุก
ดูแล้วน่าติดตามากๆ ว่าการกลับมาเล่นในลีกผู้ดีหนนี้ “คูตี้” จะเป็นหนังม้วนเดิมที่สร้างชื่อให้กับเขาอีกครั้ง หรืออาจจะเป็นหนังสยองที่ฝั่งกลบลบชื่อเขาจาก 5 ลีกใหญ่ไปเลยก็เป็นได้