อังกฤษ VS เยอรมัน : 5 เกมเดือดในความทรงจำ By Singsanam

อังกฤษ VS เยอรมัน : 5 เกมเดือดในความทรงจำ

เนื่องจากเป็นประเทศใหญ่ในทวีปยุโรป เวลาเจอกันครั้งใดมักถูกแฟนบอลคอยจับตามองเสมอ และการที่เผชิญหน้ากันระหว่าง อังกฤษ และเยอรมัน ที่สื่อต่างประเทศให้นิยามว่าเป็น “Rivalry” หรือการเป็นคู่ปรับกัน อะไรมาณนั้น จากสถิติการพบกันที่ผ่านมาเรียกได้ว่ามีความ “สูสี” กันมากๆ พบกันมา 32 ครั้ง ผลัดกันชนะทีมละ 13 ครั้ง โดยพลพรรคของ “สิงโตคำราม” ทำได้ดีกว่าเล็กน้อยตรงประได้เสีย ที่ทำประตูได้ 51 ประตู และเสียประตู 42 ประตู การเผชิญหน้ากันของ “สิงโต” กับ “อินทรี” มีหลายครั้งที่ถูกพูดถึงอย่างมาก เรียกว่าหลายนัดที่อยู่ในความทรงจำของแฟนบอลเลยทีเดียว ซึ่งวันนี้ทีมงานจาก “สิงห์สนาม” จะพาคุณมานั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไป พบกับ 5 นัด ที่แสนจะน่าประทับใจ ของทั้งสองคู่นี้ เพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อน ก่อนที่ทั้งสองทีม จะได้พบกันในรอบ 16 ทีม ในยูโร 2020

ฟุตบอลโลก 1966

55 ปีที่ผ่านมา แม้เวลาจะดูว่ายาวนาน แต่เกมนัดชิงชนะเลิศของฟุตบอลโลก 66 ยังเป็นเกมที่ถูกกล่าวถึงอย่างมาก เนื่องจากการขึ้นไปคว้าแชมป์เวิลด์ คัพ ครั้งแรกของ อังกฤษ รวมไปถึงประตู “Ghost goal” ที่เป็นประตูปัญหาของ เจฟฟ์ เฮิร์สท์

นัดที่เวมบลี่ย์ “สิงโตคำราม” ในฐานะเจ้าภาพต้องต่อสู้มาจนถึงรอบ ชิงชนะเลิศ โดยมีเยอรมัน อดีตแชมป์ ในเวลานั้น ตลอดเกม 90 นาทีทั้งสองทีมสู้กันอย่างสูสีและสนุกมากโดย เสมอกัน 2-2 ทำให้ต้องต่อเวลาพิเศษ แต่สุดท้าย เจฟฟ์ เฮิร์สท์ กลายเป็นฮีโร่ของคนทั้งประเทศหลังยิงทำแฮตทริก โดยยิงเพิ่ม 2 ประตู จนพาทีมชนะไปได้ด้วยสกอร์ 4-2 ซึ่งประตูที่ 3 ของเจ้าภาพ ได้ถูกตั้งคำถามว่าข้ามเส้นไปจริงหรือไม่ แต่ท้ายสุดแล้ว โทฟิค บาครามอฟ ผู้กำกับเส้นชาวโซเวียตยืนยันว่า เป็นประทำให้ขุนพล “อินทรีเหล็ก” ผ่ายแพ้ไปเหมือนโดนปล้นเลยทีเดียว

ฟุตบอลโลก 1990

ต่อมาในฟุตบอลโลก 1990 หลังจากเก็บงำความเจ็บปวดจาก ปี 1966 เยอรมันได้มีโอกาสแก้ตัวกับอังกฤษอีกครั้ง โดยที่ครั้งนี้เป็นการเจอกันในรอบรองชนะเลิศเวิลด์ คัพ 1990 ที่อิตาลี เป็นเจ้าภาพ

ภายใต้การคุมทีมประเทศอังกฤษ โดย บ็อบบี้ ร็อบสัน ก็หยิบนักเตะดาวดังอย่าง สจ๊วร์ต เพียร์ซ , คริส วัดเดิ้ล , พอล แกสคอยน์ และ แกรี่ ลิเนเกอร์ เป็นตัวหลัก ทางด้านของ เยอรมัน ภายใต้การคุมทีมโดย ฟารนซ์ เบคเค่นบาวเออร์ หยิบสตาร์ของทีมอย่าง โลธ่าร์ มัทเทอุส และ เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์ กับ รู้ดี โฟลเลอร์ เป็นคู่หัวหอก อย่างไม่น้อยหน้า ทั้งเกมสูสีกันตลอด ตามการคาดการณ์ของ อันเดรียส เบรห์เม่ ยิงให้ “อินทรีเหล็ก” นำก่อนนาทีที่ 60 แต่ ลิเนอเกอร์ ก็มาตีเสมอในอีก 20 นาทีต่อมา สุดท้ายก็ต้องตัดสินด้วยการยิงจุดโทษ แน่นอนว่าทัพผู้ดีที่มีชื่อเสียงเรื่องการยิงจุดโทษแย่ ก็ต้องรับความผ่ายแพ้ไป แถมทัวร์นาเมนต์นั้น เยอรมัน ได้แชมป์หลังเบียด อาร์เจนติน่า แชมป์เก่าด้วยผล 1-0

ยูโร 1996

จนถึง ณ เวลานี้ อังกฤษ ยังไม่เคยได้คว้าแชมป์ศึกชิงแชมป์ยุโรปได้เลย ซึ่งยูโร ปี 1996 พวกเขาคาดหวังกันไว้มาก ที่จะเดินตามรอยฟุตบอลโลกปี 1966 ที่ตัวเองอาศัยความเป็นเจ้าภาพจนได้ชูถ้วยได้สำเร็จ ตลอดเส้นทาง อังกฤษ ทำผลงานได้เป็นอย่างดี ได้รับชัยชนะจาก เนเธอร์แลด์ และ สเปน ก่อนไปตัดเชือกกับ เยอรมัน คู่ปรับตัวฉกาจ ซึ่งทางด้าน พลพรรค “สิงโตคำราม” ก็สู้ได้สูดี อลันเชียร์เรอร์ ยิงให้ทีมนำก่อนตั้งแต่นาทีที่ 3 แต่ สเตฟาน คุนซ์ ก็มายิงตีเสมอในอีก 13 นาทีต่อมา สุดท้ายก็ต้องตัดสินผู้ชนะด้วยการยิงจุดโทษ ปรากฏว่า “อินทรีเหล็ก” ยิงเข้าหมดทุกประตู หลังจากที่ผ่านทีมเจ้าภาพไปได้ เยอรมัน ก็ไปเอาชนะ เช็ก 2-1 คว้าแชมป์สมัยที่ 3 เป็นสมัยสุดท้ายถึงปัจจุบัน

ฟุตบอลโลก 2002

ในฟุตบอลโลก 2002 ที่ผ่านมาการเจอกันระหว่าง เยอรมัน กับ อังกฤษ ส่วนใหญ่มักเจอกันในรอบน็อกเอาท์ของรอบสุดท้าย แต่ปีนี้ เจอกันในรอบคัดเลือก ซึ่งเกมแรก เยอรมัน บุกมาชนะทีมเวมบลี 1-0 แต่การกลับไปเจอกันทีมิวนิค “อินทรีเหล็ก” โดนหักปีคาบ้าน ทั้งที่พวกเขาเป็นฝ่ายนำก่อนตั้งแต่นาทีที่ 6 จาก คาร์สเท่า ยานเคอร์ แต่หลังจากนั้น “สิงโตคำราม” ก็โชว์ฟอร์มอย่างดุเดือด พวกเขารุกหนักใส่เจ้าบ้านจนเล่นไม่ออก ทั้ง 3 นักเตะของ ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น ไมเคิล โอเว่น ระเบิดฟอร์มสุดยอด ยิงแฮตทริก เอมิล เฮสกี้ ซัดประตูตอกฝาโลง และที่ถูกชมมาก คือ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ในวัย 21 ปี ที่ยิงไกลอย่างสวยงาม และฟอร์มตลอดทั้งเกมบดบัง เซบาสเตียน ไดส์เลอร์ ดาวรุ่งของเยอรมัน ในนาทีนั้นแบบขาดลอย

ฟุตบอลโลก 2010

ครั้งฟุตบอลโลก 1966 หลังจากที่ อังกฤษ เคยได้ลูกปริศนาของ เจฟฟ์ เฮิร์สท์ จนคว้าแชมป์ ต่อมา 44 ปีการเจอของก็คู่นี้ก้มีปัญหาเกิดขึ้นอีก แต่ครั้งนี้เป็นของ เยอรมัน ที่ได้อนิสงค์ความผิดพลาดจากการตัดสินของ กรรมการ แม้ว่าอินทรีเหล็ก จะนำก่อนถึง 2 ประตู แต่ลูกทีมของฟาบิโอ คาเปลโล่ก็ทำพลาด โดนไล่มาเป็น 1-2

สุดท้ายประตูดับฝันของทีม “สิงโตคำราม” ก็กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ เยอรมัน จนทำให้มีประตูเพิ่ม และชนะไปในสกอร์ 4-1 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย

คอนเทนต์เพิ่มเติม :: ข่าวบอล