แมนฯ ยูไนเต็ด : พื้นที่ท็อปโฟร์ อยู่ในกำมือของตัวเอง
แมนฯ ยูไนเต็ด : พื้นที่ท็อปโฟร์ อยู่ในกำมือของตัวเอง

สถานการณ์ลุ้นพื้นที่ท็อปโฟร์ของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในฤดูกาลนี้ต้องบอกว่าดุเดือด และมีอัตราความสนุกมาเหลือเกิน เพราะมีหลายทีมแก่งแย่งเพื่อโควต้าลุยฟุตบอลถ้วยใหญ่ของยุโรปว่ากันตามตัวเลขในตารางคะแนน 2 อันดับแรกคงถูกจับจองโดย อาร์เซน่อล กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย เพราะด้วยคะแนน และช่องว่างที่ห่างจากอันดับ 3 ค่อนข้างไกล ฉะนั้นเหลือตั๋วอีก 2 ใบให้อีกราวๆ 7 ได้เร่งสปีดในช่วงโค้งสุดท้ายซิวโควต้าสุดสำคัญ และแหล่งบ่อเงินที่สำคัญอย่าง แชมเปี้ยนส์ลีก

ตอนนี้อันดับ 3 ถูกครอบครองโดย นิวคาสเซิ่ล ที่กลับมาฟอร์มแรงอีกครั้ง และมีโอกาสไม่ใช่น้อยที่พวกเขาจะกลับไปลุยบอลถ้วยใหญ่ของยุโรปอีกครั้งในรอบหลายปีส่วนอันดับ 4 คือทีมที่เราจะมาเจาะลึกกันในวันนี้อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังถูกถีบร่วงลงไปรั้งอันดับ 5 อยู่สักพักตอนนี้กลับมาขึ้นอยู่ในพื้นที่คุ้นเคยอีกครั้ง พร้อมสถานการณ์ทุกอย่างที่อยู่ในกุมมือของพลพรรค ปีศาจแดง ทั้งหมดว่าแล้วเราลองมาไล่เรียงดูกันหน่อยว่ามีปัจจัยไหนบ้างสำหรับทัพ ปีศาจแดง ในการไล่ล่าพื้นที่ท็อปโฟร์ ทั้งเรื่องที่ได้เปรียบ และเสียเปรียบคู่แข่งทีมอื่นๆ
สถานการณ์ในกำมือ

แมนฯ ยูไนเต็ด เหลือโปรแกรมในศึกพรีเมียร์ลีก อีก 10 นัด ตอนนี้พวกเขามีแต้มนำหน้าอันดับ 5 อย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 3 คะแนน พร้อมลงสนามน้อยกว่าอยู่ 1 เกม ส่วนอันดับที่ไล่เรียงลงมาอย่าง ไบร์ทตัน ถือว่ามีอัตราความน่ากลัวพอสมควร ตอนนี้ทัพ นกนางนวล มี 46 คะแนน แข่งน้อยกว่า ยูไนเต็ด 1 เกม ในกรณีที่พวกเขาคว้าชัยเกมตกค้างได้จะขยับช่องว่างเหลือ 4 คะแนน เท่านั้น เรียกได้ว่าเป็น “ตาอยู่” ที่พร้อมแทรกตัวเข้ามาตลอดเวลา ถ้าเกิดเหล่าผู้นำข้างบนแสดงข้อผิดพลาดออกมาเมื่อใด ท็อปโฟร์อาจหลุดไปอยู่ในมือ ไบร์ทตัน ก็เป็นได้

กลับมาดูฝั่ง ปีศาจแดง กันต่อ โปรแกรมที่เหลืออยู่ของพวกเขาต้องบอกว่าไม่ใช่งานที่เบา หรือหนักจนเกินไป เพราะมันคือการเจอทั้งทีมที่แย่งโควต้าอันดับ 4 ด้วยกัน รวมไปถึงเหล่าทีมหนีตายที่ต้องการคะแนนสุดสัปดาห์นี้ดวลกับ เอฟเวอร์ตัน ต่อด้วยพบ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ หลังจากนั้นช่วงปลายเดือนเมษายนต่อถึงต้นเดือนพฤษภาคม คือการเจอกับทีมครึ่งบนของตารางล้วนๆ ไล่มาตั้งแต่ออกไปเยือน สเปอร์ส ต่อด้วยพบ แอสตัน วิลล่า ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด และปิดท้ายซีรี่ย์ด้วยเยือน ไบร์ทตันนอกจากนั้นยังมีเกมกับ เชลซี ที่ยังไม่ได้มีการลงโปรแกรมอีกหนึ่งนัดด้วย ภายหลังถูกเลื่อนออกมาในช่วงก่อนหน้านี้

แน่นอนว่าคือหนึ่งในช่วงเวลาสำคัญในการพิสูจน์ว่า เอริค เทน ฮาก จะพาทีมฝ่าอุปสรรคตรงนั้นไปได้ไหม ถ้าในกรณีที่เก็บชัยชนะได้แบบรัวๆ มันก็การันตีได้แบบกลายๆ ถึงพื้นที่ท็อปโฟร์ทว่าถ้ามันออกมาในรูปแบบตรงข้าม บางทีอาจเป็นโค้งสุดท้ายที่ลำบากพอสมควรของพวกเขา ส่วนหลังจาก 3 เกมหนัก ยูไนเต็ด จะโคตรมาดวลกับ เวสต์แฮม, วูล์ฟแฮมป์ตัน, บอร์นมัธ และปิดท้ายที่ ฟูแล่ม

คิดง่ายๆ ถ้าเก็บชัยชนะได้เรื่อยๆ ก็ยึดอันดับ 3-4 ได้แบบสบายๆ ไม่ต้องไปคอยตามแช่งคู่แข่งให้สะดุดซึ่งอย่างที่กล่าวไปไม่ยากจนเกินไป และไม่หนักมากจนมองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ซึ่งทุกอย่างอยู่ในกุมมือของพวกเขาว่าจะฝ่าด่านอรหันต์ตรงนี้ไปได้หรือเปล่า
โรเตชั่น คือสิ่งสำคัญ

นอกจาก 10 เกมที่เหลือในพรีเมียร์ลีก ยูไนเต็ด ยังมีบอลถ้วยอีก 2 รายการที่กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในการพิชิตโทรฟี่คือ ยูโรปา ลีก กับ เอฟเอ คัพ ซึ่งในช่วงต่อจากนี้ทัพ ปีศาจแดง จะลงสนามแบบต่อเนื่องกลางสัปดาห์ และสุดสัปดาห์แบบตลอด แน่นอนว่ามันย่อมส่งผลต่อร่างกายของนักเตะ ทั้งการลงสนาม การเดินทาง และความเหนื่อยล้าที่สะสมมาตั้งแต่ต้นซีซั่น อีกทั้งบางคนยังไปเล่นในศึกฟุตบอลโลกมาด้วย

แต่สิ่งที่ เทน ฮาก แสดงมาให้เห็นในช่วงก่อนหน้านี้คือการไม่ค่อยจะหมุนทีมมากเท่าไหร่นัก ตัวหลักๆ อย่าง บรูโน่ แฟร์นานเดส, มาร์คัส แรชฟอร์ด หรือ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ลงเล่นกรำศึกหนักติดต่อกันมาตลอดซึ่งถ้าจะหานักเตะที่ได้พักก็คือไม่ได้รับบาดเจ็บ หรือติดโทษแบน อย่างในรายของ กาเซมิโร่ การโดนห้ามลงสนาม 4 เกมในลีกกลายเป็นได้พักยาวๆ เพื่อกลับมาลงสนามในศึกยูโรปา ลีก 2 นัดกับ เซบีย่าแต่ข่าวดีคือทีมใกล้จะได้ คริสเตียน อิริคเซ่น กลับมาจากอาการบาดเจ็บอีกครั้ง

แน่นอนด้วยโปรแกรมที่อัดแน่น และไม่สามารถถอนคันเร่งได้สักเกมเลย ทำให้พวกเขาต้องใส่สุดในทุกๆ นาทีสนาม ฉะนั้นต้องมาดูกันว่า เทน ฮาก จะบริหารทรัพยากรที่มีอยู่อย่างไรให้ยืนระยะสู้กับโปรแกรมที่อัดแน่นแบบสุดๆ ช่วงปลายทางแบบนี้
ปัญหาที่อาจเจอ

นอกจากเรื่องของโปรแกรมที่อัดแน่นลงสนามแบบต่อเนื่องแล้ว อีกหนึ่งในสิ่งที่แสดงออกมาในช่วงเดือนที่ผ่านมาคืออาการฟอร์มแผ่ว และหลุดง่ายของ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งมันส่งผลต่อการเสียคะแนนไปเยอะพอสมควร จากเดิมแบเบอร์ในการยึดอันดับ 3 กลายเป็นร่วงหล่น ต้องการโกยแต้มกันใหม่

ปัญหาของ ยูไนเต็ด ตอนนี้ชัดเจนคือแดนกลางเมื่อขาดทั้ง กาเซมิโร่ กับ อิริคเซ่น ไปพร้อมๆ กันส่งผลต่อประสิทธิภาพพอสมควร แม้อย่างเกมล่าสุดจะปรับด้วยการให้ บรูโน่ ลงต่ำมาช่วย และดัน ซาบิตเซอร์ ขึ้นไปเล่นตัวรุกมากขึ้นก็ตาม

อีกอย่างคือการผลิตสกอร์ที่ผ่านมา มาร์คัส แรชฟอร์ด คือ “เดอะ แบก” ในการทำประตู แต่พอเท้าบอดยิงไม่ได้ ก็กลายเป็นปัญหาที่วนกลับมาหาพวกเขาอีกครั้ง เวาท์ เวกฮอร์สต์ ได้รับคำชื่นชมในฐานะกองหน้าที่คอยวิ่งบีบ ไล่บดคู่แข่ง แต่การทำประตูคือเครื่องหมายคำถามตัวใหญ่

อันโตนี โดนกระแสวิจารณ์ต่อเนื่องถึงการเล่นร่วมเป็นทีม ซึ่งถ้าลดอีโก้เรื่องการดื้อหวังยิงไกลทำประตู คงส่งผลดีต่อทีมในช่วงที่เหลือหรือแม้แต่คนอื่นๆ อย่าง เจดอน ซานโช่ 3 วัน 4 วันร้าย หามาตรฐานที่แท้จริงไม่เจอเสียที ซึ่งเมื่อมวลรวมมันต้องปรับ ต้องอยู่ที่ เทน ฮาก แล้วว่าจะดึงศักยภาพของนักเตะให้ออกมาอีกครั้งอย่างไร เพราะเชื่อว่าตัวเขาคงมองเห็นปัญหาที่กำลังก่อตัวในตอนนี้
ยูไนเต็ดจะทำสำเร็จหรือไม่?

บทสรุปสุดท้ายพื้นที่ท็อปโฟร์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มันอยู่ในกำมือของพวกเขาเองว่าจะสามารถกุมความได้เปรียบตรงนี้ไว้ได้หรือไม่มันไม่ใช่งานที่ง่าย แต่ก็ไม่ยากจนเกินไปสำหรับพวกเขาชะตาทุกอย่างจะถูกกำหนดขึ้นด้วยผลงานในสนามต่อจากนี้
คอนเทนต์เพิ่มเติม :: ฟุตบอลคอนเทนต์
รับชมฟุตบอลออนไลน์ :: ดูบอลสด
ติดตามบทวิเคราะห์บอลเพิ่มเติม :: วิเคราะห์บอลวันนี้
คอนเทนต์เพิ่มเติม

5 ปัญหาใหญ่ของ ยูไนเต็ด

5 แข้งดังจากอคาเดมี่ อาแจ็กซ์

3 ประเด็นหลังเกม สาลิกา จิก ผี

5 อดีตดาวดังของ ลียง ลงเป็นยิง
