ไมเคิ่ล คาร์ริค : กุนซือหนุ่มผู้น่าจับตามอง By Singsanam

ไมเคิ่ล คาร์ริค : กุนซือหนุ่มผู้น่าจับตามอง

วันเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก จากที่เคยดูพวกเขาโลดแล่นอยู่ในสนาม วันนี้ยอดนักเตะหลายคนในพรีเมียร์ลีก ผลันตัวกลายมาเป็นผู้จัดการทีมอยู่ข้างสนามแม้ว่าส่วนใหญ่จะมีผลงานที่ไม่ค่อยดีนัก สตีเว่น เจอร์ราร์ด, แฟรงค์ แลมพาร์ด และ สก็อตต์ ปาร์คเกอร์ ไม่มีทีมใดจ้าง ปาทริค วิเอร่า ก็เพิ่งถูก คริสตัล พาเลซ ปลดแบบสดๆ ร้อนๆมิเกล อาร์์เตต้า กลายเป็นคนที่มีผลงานดีสุด แต่ก็ล้มลุกคลุกคลานอยู่หลายปี กว่าจะปั้น อาร์เซนอล กลับมามีลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก เป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปีอย่างไรก็ตามในเวที เดอะ แชมเปี้ยนชิพ มี 2 อดีตนักเตะรุ่นราวคราวเดียวกันกำลังเริ่มต้นอาชีพกุนซือได้อย่างน่าสนใจ คนแรกคือ แว็งซ็องต์ กอมปานี ที่พา เบิร์นลี่ย์ รั้งจ่าฝูงมี 83 คะแนนจากการลงสนาม 37 นัดทิ้งห่าง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ทีมรองจ่าฝูงถึง 13 แต้ม และเหลือโปรแกรมอีก 9 นัด โอกาสที่ “เดอะ คลาเร็ตส์” จะคืนสังเวียนลีกสูงสุดภายในเวลาแค่ 1 ปีเรียกว่าสูงปรี๊ดเลยก็ว่าได้

ส่วนอีกคนก็คือ ไมเคิ่ล คาร์ริค ที่กำลังถูกพูดถึงอย่างมาก หลังพา มิดเดิลสโบรห์ จากโซนท้ายตาราง ขึ้นมาอยู่อันดับ 3 ของลีกรองได้อย่างน่าเหลือเชื่อ การเข้ามาคุมทีม “เดอะ โบโร่” คืองานคุมทีมข้างสนามเต็มตัวหนแรกของกุนซือวัย 41 ปี หลังก่อนหน้านี้เคยเป็นกุนซือขัดตาทัพให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ช่วงเปลี่ยนผ่านจาก โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ มาเป็น ราล์ฟ รังนิกสถิติถือว่ายอดเยี่ยมเลย 3 นัดไม่มีแพ้ใคร ชนะ อาร์เซนอล 3-2, เสมอ เชลซี 1-1 และชนะ บียาร์เรอัล 2-0

คาร์ริคเริ่มงานโค้ชที่เดอะ โบโร่

คาร์ริค เข้ามาเป็นนายใหญ่ของ มิดเดิลสโบรห์ ในช่วงเดือนตุลาคม แทนที่ของ คริส ไวล์เดอร์ ที่พาทีมออกสตาร์ย่ำแย่อยู่อันดับ 21 ของตารางคะแนน มีแค่ 17 แต้มจาก 16 นัดแรกแม้จะเริ่มต้นด้วยการบุกไปแพ้ เปรสตัน 2-1 แต่หลังจากนั้น “เดอะ โบโร่” เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ พวกเขาชนะ 16 จาก 23 นัดภายใต้การคุมทีมของอดีตห้องเครื่องทีมชาติอังกฤษ

คาร์ริคพาโบโร่ผู้มาเปลี่ยนแปลงโบโร่

ตอนเริ่มต้นปีใหม่ มิดเดิลสโบรห์ มีคะแนนตามหลัง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ถึง 14 คะแนน แต่ตอนนี้ลดช่องว่างลงมาเหลือเพียง 3 แต้มแม้แข่งมากกว่า 1 นัด แต่พูดได้เต็มปากเลยว่าโอกาสขึ้นชั้นแบบอัตโนมัติเปิดกว้างสุดๆ คาร์ริค ได้รับคำชมอย่างมาก ไม่ใช่แค่ผลการแข่งขันที่ออกมาดี แต่เป็นเรื่องของวิธีการเล่นที่มีความละม้ายคล้ายคลึงกับแนวทางที่ มิเกล อาร์เตต้า กำลังทำได้ดีกับ อาร์เซน่อล ในเวลานี้

แผนการคุมทีมแบบสุดลงตัว

แม้จะไม่เหมือนกันชนิด 100% เพราะไม่ได้เล่น Invert Fullback เหมือนที่ทีม “ปืนใหญ่” มี โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ เป็นตัวสารพัดประโยชน์ แต่โครงสร้างรวมๆ ต้องบอกว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกัน 4-2-3-1 คือระบบพื้นฐานที่ คาร์ริค นำมาใช้กับ “เดอะ โบโร่” ชุดนี้ แต่เมื่อเวลาต้องเล่นเกมรุก ทีมพร้อมจะยืดหยุ่นเป็น 3-2-5 ให้แบ็กขวาฮุบมายืนเป็นเซนเตอร์ 3 คน และให้วิงแบ็กซ้ายเติมเกมสูงเต็มที่

โบโร่เป็นทีมที่เน้นการต่อบอลมากขึ้น

มิดเดิลสโบรห์ ที่เน้นบอลไดเร็กท์ หลังไปหน้าให้เร็วที่สุดในยุคของ คริส ไวล์้เดอร์ กลายเป็นทีมที่เน้นการต่อบอล มีอัตราเฉลี่ยการครองบอลสูงถึง 56% และมีความแม่นยำในการจ่ายบอลมากถึง 81% คาร์ริค ทำทีมด้วยโมเดลฟุตบอลสมัยใหม่ ชอบที่จะสร้างเกมตั้งแต่แนวรับ แซค สเตฟเฟ่น นายด่านทีมชาติสหรัฐ ที่ยืมมาจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ต่างอะไรกับผู้เล่นคนที่ 11 ของทีม ที่ต้องคอยเชื่อมเกมกับเพื่อนอยู่ตลอดเวลาการเล่นในพื้นที่แคบริมเส้นฝั่งขวาเพื่อดึงตัวประกบและสร้างพื้นที่โจมตีอีกฝั่ง ก็เป็นอีกกลยุทธหลักที่ใช้งานได้ดี ไรอัน ไจล์ส แบ็กซ้ายที่ยืมจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน เติมเกมรุกมันมากทำไปแล้วถึง 11 แอสซิสต์

คาร์ริคจะพาโบโร่กลับไปเล่นลีกสูงสุดได้หรือไม่?

ชูบา อัคปอม อดีตกองหน้าเยาวชนของ อาร์เซน่อล จากที่ยิงได้แค่ 4 ลูกใน 17 เกมแรก พอมาอยู่ภายใต้การคุมทีมของ คาร์ริค ยิงเพิ่มได้อีก 20 ประตู นำเป็นดาวซัลโวเดอะ แชมเปี้ยนชิพ และกลายเป็นแข้งเนื้อหอมทันทีแม้ไม่มีใครรู้ได้ว่าบทสรุปสุดท้าย คาร์ริค จะดีพอพา มิดเดิลสโบรห์ กลับไปเล่นในพรีเมียร์ลีก ในรอบ 7 ปีได้หรือไม่ เพราะถ้าพลาดตั๋วแบบอัตโนมัติ การต้องเล่นเพลย์ออฟขึ้นชั้นอะไรมันก็เกิดขึ้นได้เสมอ อย่างไรก็ตามผลงานของ “เดอะ โบโร่” นับถึงตอนนี้มันคือการเริ่มต้นที่ดี และไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใดที่ คาร์ริค จะได้รับคำชมว่าเป็นกุนซือหนุ่มที่น่าจับตามอง

คอนเทนต์เพิ่มเติม :: ฟุตบอลคอนเทนต์

รับชมฟุตบอลออนไลน์ :: ดูบอลสด

ติดตามบทวิเคราะห์บอลเพิ่มเติม :: วิเคราะห์บอลวันนี้