fbpx

ก้าวที่ยิ่งใหญ่ของ เดวิด มอยส์

ก้าวที่ยิ่งใหญ่ของ เดวิด มอยส์

ก้าวที่ยิ่งใหญ่ของ เดวิด มอยส์

“ถ้าเขาไม่เคยคุม แมนฯ ยูไนเต็ด เขาจะเป็นแคนดิเดตในการคุมทีม ปีศาจแดง หลังจบฤดูกาลนี้ “ หนึ่งในวาทะเด็ดของมิตรสหายในโลกออนไลน์ที่ทำนายอนาคตกุนซือเลือดน้ำเมาที่ชื่อ เดวิด มอยส์ หลังพาทีม “ขุนค้อน” เวสต์แฮม อัด “เชลซี” หวิว 3-2 ในศึกพรีเมียร์อังกฤษเมื่อคืนที่ผ่านมา ในชีวิตคนมันต้องวันหกล้ม เสียใจ ผิดหวัง อยากหายไปจากโลกนี้บ้าง แต่กว่าจะเดินทางเข้าสู่ภาวะปกติมันต้องใช้เวลาเยียวยาจิตใจไม่น้อยเลย เชื่อว่า มอยส์ คงจำรสชาติอันขมปี๋ได้ดี เพราะกว่าจะมายืนแบบสง่าพร้อมเสียงสรรเสริญในปัจจุบันมันไม่ง่ายเลย

ก้าวที่ยิ่งใหญ่ของ เดวิด มอยส์

ช่วงหลายปีหลัง “เวสต์แฮม” ไม่ได้สร้างความเร้าใจให้แฟนบอล เหมือนสมัยกลางยุค 90 ไปจนถึงช่วงต้นปี 2000 ที่พวกเขาอัดแน่นไปด้วยแข้งยังเติร์กอย่าง ริโอ เฟอร์ดินานด์, แฟรงค์ แลมพาร์ด, โจ โคล และ ไมเคิล คาร์ริค แถมมีตัวแสบอย่าง “เปาโล ดิ คานิโอ” อิตาเลียนแมนที่ทำให้รสชาติลูกหนังของพวกเขากลมกล่อมเหลือเกิน อย่างไรก็ตามตำแหน่งที่พวกเขาถนัดก็คือ โซนหนีตกชั้นและแถบกลางตาราง หาใช่พื้นที่ลุ้นแชมป์หรือไปซ่าย่านท็อปโฟว์

ก้าวที่ยิ่งใหญ่ของ เดวิด มอยส์

ทว่าฤดูกาลนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป เมื่อ “เดวิด มอยส์” ค้นพบตัวเองสำเร็จแต่เมื่อเขาตื่นจากฝันร้าย โลกใหม่ก็เริ่มขึ้น อดีตกุนซือผู้ล้มเหลวกับ แมนฯ ยูไนเต็ด, เรอัล โซเซียดาด และ ซันเดอร์แลนด์ ค่อยๆ ปรับโครงสร้างของ “ขุนค้อน” ขึ้นมาใหม่ โดยไม่เน้นที่ความแข็งแกร่งของนักเตะซึ่งมีคีย์แมนอย่าง “ดีแคลน ไรท์” และ “โทมัส ซูเซ็ค” เป็นหัวใจสำคัญ ทั้งคู่คอนโทรลเกมได้อย่างเนียนกริบและทรงพลังมาก เมื่อสอดใส่ความเร็วของ “จาร์เร็ด โบเว่น” ไปผสมกันในแนวรุก สามารถเพิ่มเขี้ยวเล็บให้กับทีมอย่างมหาศาล โดยเฉพาะจังหวะโต้กลับเร็วขนาดสื่อของอังกฤษ ยังยกย่องว่า “โบเว่น” มีส่วนสำคัญในแนวรุกของทีมจริงๆ

ก้าวที่ยิ่งใหญ่ของ เดวิด มอยส์

ขณะที่แดนหน้ามีความถึกของ มิคาอิล อันโตนีโอ ที่สร้างความปั่นป่วน และคอยเปิดทางให้เพื่อนร่วมทีมสอดขึ้นมาทำประตูได้เสมอ จนตอนนี้ “อันโตนิโอ” สถาปนาตัวเองไปเป็นดาวซัลโวสูงสุดของสโมสรเรียบร้อยแล้ว เมื่อแกนหลักลงตัว ทุกอย่างก็ราบรื่น จากทีมแจกแต้มตอนนี้ “มอยส์” สร้าง “ขุนค้อน” ให้กลายเป็นทีมจอมแสบสำหรับทีมใหญ่ ในฤดูกาลนี้เขาพาทีม “ขุนค้อน” ดับซ่าทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในศึกฟุตบอล คาราบาว คัพ จากนั้นก็ฝากแผลให้กับ ท็อตแน่มฮ็อต สเปอร์ส, เลสเตอร์ ซิตี้ และเหยื่อรายล่าสุดก็คือ “เชลซี”

ขณะที่ทีมระดับเดียวกัน พวกเขาจัดการสอนเชิงให้เกือบหมด ทำให้มาตรฐานและความมั่นใจของนักเตะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ เมื่อหันไปมองอันดับในตารางคะแนนต้องบอกว่าเซอร์ไพรส์สุดๆ เนื่องจากพวกเขาขึ้นมาท้าลมหนาวบนหัวตาราง เคียงข้างกับ แมนฯ ซิตี้, ลิเวอร์พูล และ เชลซี เรียบร้อยแล้ว แถมมีคะแนนตามหลัง “เรือใบสีฟ้า” จ่าฝูงเพียง 8 แต้มเท่านั้น นอกจากนี้มีคะแนนอยู่เหนือกว่า อาร์เซน่อล, สเปอร์ส และ แมนฯ ยูไนเต็ด แบบเต็มภาคภูมิ หากบทสรุปท้ายฤดูกาลพวกเขาคว้าโควต้าไปเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้คงไม่แปลก เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันคือของขวัญจากความไม่ยอมแพ้ การปรับตัว และการพัฒนาตัวเองของผู้แพ้ที่ชื่อ “เดวิด มอยส์” ที่ลากทีมขึ้นมาอยู่ตรงนี้ได้สำเร็จ ที่เขาถึงบอกว่าฟ้าหลังฝน สวยงามเสมอ

คอนเทนต์เพิ่มเติม :: ข่าวบอล