fbpx

มิคาอิล อันโตนิโอ : นักเตะที่ร้อนแรงที่สุดในพรีเมียร์ลีกเวลานี้

อันโตนิโอ : นักเตะที่ร้อนแรงที่สุดในพรีเมียร์ลีก

มิคาอิล อันโตนิโอ : นักเตะที่ร้อนแรงที่สุดในพรีเมียร์ลีกเวลานี้

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2021-22 ผ่านไปแล้ว 3 นัดก่อนที่จะเข้าช่วงพักเบรกทีมชาติ ซีซั่นนี้ถือว่าน่าสนใจมากๆ มีหลายอย่างเลยที่เกินความคาดหมาย และเป็นสีสันของลีกอยู่ในขณะนี้

ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ทีมที่มีการเปลี่ยนกุนซือ รวมถึงอยู่ในสถานการณ์หัวเลี้ยวหัวต่อกับการยื้อ แฮร์รี่ เคน หัวหอกกัปตันทีมคนเก่ง แต่ลูกทีมของ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต กลับทำผลงานยอดเยี่ยมชนะรวด 3 เกม ด้วยสกอร์ 1-0 ทั้ง 3 นัด รั้งเป็นจ่าฝูงได้อย่างน่าชื่นชม ในทางตรงกันข้ามทีมคู่ปรับร่วมลอนดอนเหนืออย่าง อาร์เซนอล กลับผลงานได้แย่แพ้รวดทั้ง 3 เกม ไม่มีแต้ม ไม่มีสกอร์และเสียไปถึง 9 ประตู กลายเป็นบ๊วยของลีก ท่ามกลางกระแสเก้าอี้กุนซือของ มิเกล อาร์เตต้า ที่ร้อนรุ่มขึ้นในทุกวินาที แต่หากจะพูดถึงนักเตะที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในการออกสตาร์ตฤดูกาลนี้ เชื่อเหลือเกินว่าแฟนบอลทุกคนน่าจะพุ่งเป้าไปในทิศทางเดียวกัน และชื่อของ มิคาอิล อันโตนิโอ คือนักเตะคนที่กำลังได้รับการจับตามองมากที่สุด

มิคาอิล อันโตนิโอ : นักเตะที่ร้อนแรงที่สุดในพรีเมียร์ลีกเวลานี้

เอาให้เห็นภาพง่ายๆ ก็เกมแฟนตาซี พรีเมียร์ลีก หัวหอกของ เวสต์แฮม เป็นนักเตะที่ถูกเลือกติดทีมของเหล่ากุนซือออนไลน์มากที่สุดด้วยจำนวน 279,192 ทีม มากกว่าอันดับ 2 อย่าง เฟร์ราน ตอร์เรส จาก แมนฯ ซิตี้ ถึง 60,000 กว่าเลยทีเดียว ซึ่งศูนย์หน้าวัย 31 ปีก็ไม่ทำให้เหล่าแฟนอบลของเขาผิดหวัง แม้ทีม “ขุนค้อน” จะสะดุดทำได้แค่เจ๊ากับ คริสตัล พาเลซ 2-2 แต่ผลงานส่วนตัว อันโตนิโอ ก็ทำไป 1 ประตูกับ 1 แอสซิสต์ พาทีมเก็บ 7 คะแนนขึ้นไปเป็นรองจ่าฝูงตามหลัง สเปอร์ส อยู่ 2 แต้ม  กองหน้านักกล้ามกลายเป็นผู้เล่นหลักที่ เดวิด มอยส์ จะขาดไม่ได้ ตอนนี้ทีมยิงไปแล้ว 10 ประตู ซึ่งเขามีส่วนร่วมไปแล้วถึง 7 ลูก จากการยิงไปแล้วถึง 4 ประตูกับอีก 3 แอสซิสต์ นำเป็นดาวซัลโวของพรีเมียร์ลีกอยู่ในเวลานี้ 

เส้นทางของ อันโตนิโอ ถือว่าเป็นแข้งเลือดนักสู้คนหนึ่งของวงการ เพราะเริ่มต้นอาชีพกับทีมนอกลีกอย่าง ทูติ้ง แอนด์ มิทแชม ยูไนเต็ด แม้จะได้ย้ายไปอยู่กับ เรดดิ้ง แต่ก็แทบไม่ได้รับโอกาสเลย ถูกปล่อยยืมหลายสโมสรทั้ง เชลแน่ม, เซาธ์แฮมป์ตัน, โคลเชสเตอร์ รวมถึง เชฟฟิลด์ เว้นสเดย์ อย่างไรก็ตามการย้ายมาเล่นในถิ่นฮิลส์โบโร่ กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในอาชีพ เพราะภายใต้การคุมทีมของ เดฟ โจนส์ เขาได้รับความไว้วางใจอย่างมาก ได้ลงเล่นสม่ำเสมอในเลกที่ 2 ถึง 14 นัดและยิงได้ถึง 5 ประตู จนทีมคว้าตั๋วกลับมาเล่นในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ได้สำเร็จ ด้วยผลงานที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยม เชฟฯ เว้นสเดย์ ไม่รอช้าที่จะดึง อันโตนิโอ มาอยู่กับทีมแบบถาวร ซึ่งเจ้าตัวก็ยังเล่นได้ดีทำได้อีก 13 ประตูในช่วงเวลา 2 ปีกับสโมสร ก่อนย้ายทีมอีกครั้งหลังผลงานไปเตะตา น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ และได้ย้ายทีมด้วยค่าตัว 1.5 ล้านปอนด์ แต่คนมันจะเฉิดฉายอะไรก็รั้งไว้ไม่อยู่ อันโตนิโอ อยู่ค้าแข้งกับ ฟอเรสต์ ได้เพียงซีซั่นเดียว หลังทำระเบิดผลงานยิงไปถึง 14 ประตู และคว้าแข้งยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสร เจ้าตัวก็ได้เก็บข้าวเก็บของย้ายไปเล่นในลีกที่สูงกว่าอย่าง พรีเมียร์ลีก หลัง เวสต์แฮม ยอมจ่ายเงินถึง 7 ล้านปอนด์ดึงไปร่วมทีม ภายใต้การคุมทีมของ สลาเว่น บิลิช นับเป็นอีกก้าวที่เจ้าตัวพัฒนาอย่างมาก เพราะเขาถูกกุนซือชาวโครแอต ปลุกปั้นจนกลายเป็นนักเตะสารพัดประโยชน์ จากตำแหน่งเดิมที่เล่นปีกขวากับแบ็กขวา ถูกจับโยนเล่นหลายตำแหน่งทั้งปีกซ้าย, กองกลางตัวรุก รวมถึงการเป็นกองหน้าตัวเป้า

มิคาอิล อันโตนิโอ : นักเตะที่ร้อนแรงที่สุดในพรีเมียร์ลีกเวลานี้

นับตั้งแต่นั้นมาไม่ว่าทีม “ขุนค้อน” จะเปลี่ยนใครเข้ามาเป็นกุนซือไม่ว่าจะเป็น มานูเอล เปเญกรินี่ หรือ เดวิด มอยส์ หัวหอกจาไมก้า ก็สถานปนาตัวเองกลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกในตำแหน่งกองหน้่าเป็นที่เรียบร้อย แม้บางเกมจะยังถูกโยกไปเล่นปีกขวาอยู่บ้างก็ตาม จุดเด่นของ อันโตนิโอ คือร่างกายที่แข็งแกร่ง ความฟิตที่ยอดเยี่ยม สภาพจิตใจราวกับนักรบ ที่พร้อมเข้าบวก เข้าปะทะแบบไม่กลัวเกรง บอลจากเพื่อนไม่ว่าจะมาในทิศทางไหน รูปแบบอะไรก็ตาม เขาพร้อมที่จะพุ่งเข้าหาเพื่อทำประตูได้หมด โดยเฉพาะลูกกลางอากาศที่เป็นจุดขาย ส่วนจักรยานอากาศลั่นสกอร์ก็เคยทำมาแล้ว นับถึงปัจจุบันบวก 4 ลูกที่ยิงได้ในซีซั่นนี้นาทีนี้ชื่อของ มิคาอิล อันโตนิโอ ขึ้นแท่นตำนานของทีม “ขุนค้อน” ไปเป็นที่เรียบร้อย กลายเป็นนักเตะที่ทำประตูได้สูงสุดของสโมสรในพรีเมียร์ลีก 50 ประตูของเขาทำลายสถิติเดิมที่ เปาโล ดิ คานิโอ เคยทำไว้ 48 ลูก ได้ตั้งแต่เกมนัดสองที่ถล่ม เลสเตอร์ ซิตี้

ฤดูกาลที่แล้ว เวสต์แฮม ถือเป็นทีมม้ามืดที่ทำผลงานได้ดี จบสูงถึงอันดับ 6 แต่น่าเสียดายไม่น้อยที่ มิคาอิล อันโตนิโอ มีอาการบาดเจ็บรบกวนจนพลาดลงสนามไปถึง 13 เกม แต่การเริ่มต้นได้ดีในซีซั่นนี้ บวกกับฟอร์มที่ร้อนแรงของเขา งานนี้หากแฟนบอล “เดอะ แฮมเมอร์ส” จะหวังสูงกว่าเดิมก็คงไม่เรื่องที่แปลกใจแต่อย่างใด

คอนเทนต์เพิ่มเติม :: ข่าวบอล