โค่นบัลลังก์ม้าลาย! 6 เหตุผลส่ง“อินเตอร์”เถลิงสคูเด็ตโต้ By Singsanam

โค่นบัลลังก์ม้าลาย! 6 เหตุผลส่ง“อินเตอร์”เถลิงสคูเด็ตโต้

โค่นบัลลังก์ม้าลาย!

ไม่มีอะไรพลิกโผสำหรับศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ฤดูกาล 2020-21 หลัง “งูใหญ่” ทำผลงานได้อย่างสมราคา “ม้าเต็ง” ควบเกาะกลุ่มนำ ก่อนแซงขึ้นที่ 1 ในนัดที่ 22 และวิ่งม้วนเดียวจบการันตีการเป็นแชมป์ได้ก่อนจบฤดูกาลถึง 4 นัด การคว้าแชมป์ครั้งนี้นับเป็นสคูเด็ตโต้ ครั้งที่ 19 ของทีม “งูใหญ่” และเป็นแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 11 ปี งานนี้น่าสนใจว่าอะไรคือปัจจัยที่ทำให้ “งูใหญ่” สามารถล้มแชมป์อย่าง ยูเวนตุส ที่ไร้เทียมทานครองบัลลังก์มาอย่างยาวนานถึง 9 ฤดูกาลติด เราจะมาวิเคราะห์และแยกย่อยเป็นประเด็นสำคัญ 6 ข้อดังต่อไปนี้

คุมทีมโดยกุนซือที่ชื่อ “อันโตนิโอ คอนเต้”

ตั้งแต่ โชเซ่ มูรินโญ่ พาทีมคว้าแชมป์ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2010 อินเตอร์ มิลาน ก็หากุนซือที่เหมาะสมมาคุมทีมไม่ได้อีกเลย ในระยะเพียงเวลา 9 ปี “งูใหญ่” ใช้งานกุนซือไปถึง 12 คนแต่ก็ยังไม่มีใครที่จะสามารถพา อินเตอร์ มิลาน กลับไปอยู่จุดสูงสุดได้ ทว่าแฟนบอล “เนรัซซูรี่” ได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหลังกลุ่มทุนซูหนิงจากจีน ตัดสินใจเซ็นสัญญากับ อันโตนิโอ คอนเต้ ให้เข้ามาทำหน้าที่ในการคุมทัพ “งูใหญ่” ในปี 2019 ด้วยโปรไฟล์ดีกรีแชมป์พรีเมียร์ลีกกับ เชลซี ทำให้หลายฝ่ายคาดหวังให้เขาเป็นฮีโร่ขี่ม้าขาวเข้ามาช่วยสร้างความสำเร็จให้กับทีม อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่เรื่องง่าย ที่ในซีซั่นแรกของ คอนเต้ กับ อินเตอร์ มิลาน ทำได้ดีที่สุดด้วยการคว้าดับเบิ้ลรองแชมป์ และเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมาก็มีกระแสข่าวว่าทั้งสองฝ่ายมีความคิดที่จะแยกทางกัน ทว่าบทสรุปทุกอย่างจบลง และเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะสุดท้ายแล้ว คอนเต้ ก็คือคนที่ใช่สำหรับ อินเตอร์ ซึ่งแชมป์ในซีซั่นนี้นับเป็นแชมป์ลีกครั้งที่ 4 ของเขา และแทบเกือบทุกสโมสรที่เขาคุมทีมมักมีแชมป์ลีกติดมือเสมอ

“นี่ก็เป็นอีกหนึ่งในความสำเร็จที่สำคัญที่สุดในอาชีพการงานของผม” คอนเต้ กล่าวกับ สถานีโทรทัศน์ในอิตาลี หลังรู้ผลว่า อตาลันต้า เจ๊ากับ ซัสซูโอโล่ 1-1

“ลูกากู & เลาตาโร่” สุดร้อนแรง

เมื่อย้อนเวลากลับไปตอนที่ อันโตนิโอ คอนเต้ ยอมจ่ายเงิน 80 ล้านยูโร เพื่อคว้าตัว “พี่ตู้เย็น” โรเมลู ลูกากู มาจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เหล่ากูรู เกจิ ต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่านี่อาจจะเป็นดีลไม่คุ้มค่าและ “งูใหญ่” จ่ายค่าตัวที่แพงเกินจริง อย่างไรก็ตามทุกอย่างถูกพิสูจน์ด้วยผลงานในสนาม ลูกากู ปิดฤดูกาลแรกของเขาด้วยการซัดไปถึง 34 ประตู รวมทุกรายการและฤดูกาลนี้เขาก็ยิงไปแล้วถึง 27 ประตู การประสานงานกับท็อปทูอย่าง เลาตาโร่ มาร์ติเนซ เป็นไปอย่างลงตัวแบบมองตาก็รู้ใจ คู่หู “ลูล่า” ที่สื่ออิตาลีตั้งฉายาให้่ช่วยกันยิงไปถึง 55 ประตูในฤดูกาลก่อน และทำรวมกันไปแล้วถึง 44 ประตูในฤดูกาลปัจจุบันจนถึงตอนนี้

เกมรับดีที่สุดในลีก

แม้เกมรุกที่มี โรเมลู ลูกากู กับ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ จะเป็นจุดสปอร์ตไลท์ของแฟนบอล แต่เกมรับก็เป็นอีกจุดที่ คอนเต้ ควรได้เครดิต หลังปรับจูนได้อย่างลงตัวและถูกนำไปเทียบกับ 3 ประสาน “บีบีซี” ลูกน้องเก่าของเขาสมัยคุม ยูเวนตุส “ผมเห็นความคล้ายคลึงกับมากกับเส้นทางของ โบนุชชี่, บาร์ซายี่ และ คิเอลลินี่ ที่ ยูเวนตุส ” คอนเต้ กล่าว “บีบีซี ไม่ได้รางวัลอะไรเลยเมื่อพวกเขาเริ่มต้นกับผม ผมหวังว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นกับ สคีร์เนียร์, เดอ ไฟรจ์ และ บาสโตนี่” ภายใต้การคุมทีมของ คอนเต้ เซนเตอร์ทั้ง 3 คนพัฒนาได้ดี เมื่อรวมกับผู้รักษาประตูประสบการณ์สูงอย่าง ซามีร์ ฮันดาโนวิช พวกเขาเสียไปเพียง 29 ประตู น้อยที่สุดเในเซเรีย อา ฤดูกาลนี้ เป็นการเก็บคลีนชีตได้ถึง 14 เกมอีกด้วย

ยูเวนตุส เสื่อมถอยอำนาจ

แม้ ยูเวนตุส จะมี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในยุคนี้อยู่กับทีม แต่เหมือนพวกเขามีสุดยอดขุนพล แต่ขาดขงเบ้งมาวางแผนทำการรบ การที่ตัดสินใจแยกทางกับ มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี้ กลับกลายเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด อัลเลกรี้ คุม ม้าลาย 5 ฤดูกาลการันตีแชมป์ลีกทุกปี แถมยังพาทีมเข้าถึงรอบชิง แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ถึง 2 สมัย ทว่ากลายมาเป็น เมาริซิโอ ซาร์รี่ ทีมดูด้อยลง แชมป์ลีกซีซั่นก่อนก็เฉือน “งูใหญ่” เพียงแค่แต้มเดียว ส่วนในมือของ อันเดรีย ปิร์โล่ นิยามสั้นๆ คือ “ไร้ประสบการณ์” ในเซเรีย อา ฤดูกาลนี้ ต้องบอกได้ว่า ยูเวนตุส ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่จะเป็นทีมลุ้นแชมป์เลย หากพวกเขาชวดแชมป์ โคปป้า อิตาเลีย ที่จะชิงชนะเลิศกับ อตาลันต้า ก็คงเป็นฤดูกาลที่น่าผิดหวังมากๆ และเป็นการเสื่อมอำนาจอย่างแท้จริงของ “เจ้าพ่อ” แห่งแดนมักกะโรนี

คู่ปรับร่วมเมืองแผ่วปลาย

ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า เอซี มิลาน จะทำผลงานได้ดีเกินคาดแบบนี้ จากทีมที่ไม่เคยติดท็อปทรีได้ตั๋วไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีก นานถึง 7 ปีเต็ม พวกเขากลับออกสตาร์ตได้อย่างยอดเยี่ยม 15 เกมแรกไม่มีแพ้ใครชนะถึง 11 เกม มิลาน ขึ้นเป็นจ่าฝูงตั้งแต่นัดที่ 4 และครองตำแหน่งยาวนานถึง 18 สัปดาห์ แต่ด้วยขุมกำลังของทีมที่เป็นรอง การบาดเจ็บของกองหน้าตัวความหวังอย่าง ซลาตัน อิบราฮิโมวิช เป็นเวลาหลายนัด ทำให้ทีมค่อยๆ แผ่วลงอย่างต่อเนื่อง จากทีมที่มลุ้นแชมป์ในตอนแรกคู่กับทีมคู่ปรับร่วมเมือง นับถึงตอนนี้เหลืออีก 4 นัด มิลาน อาจจะเจอกับอีกหนึ่งฤดูกาลที่น่าผิดหวัง หากต้องพลาดตั๋วไปแชมป์เปี้ยนส์ลีกเพราะนาทีนี้ตกมาอยู่อันดับ 4 และถูก นาโปลี จี้มาเหลือแค่ 2 แต้มเท่านั้น

ตกรอบยูซีแอลรวดเร็ว

แม้ อันโตนิโอ คอนเต้ จะเก่งในเกมลีก แต่ในแชมเปี้ยนส์ลีก กลับเป็นจุดอ่อนที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ตัวเองได้ คุม ยูเวนตุส ไปไกลสุดแค่รอบ 8 ทีม ส่วน เชลซี ก็ร่วงตั้งแต่รอบ 16 ทีม ส่วน อินเตอร์ มิลาน ไม่ต้องสืบเลย เข้าร่วม 2 ฤดูกาลตกรอบแบ่งกลุ่มทั้ง 2 ครั้ง แน่นอนว่ามันไม่ใช่ผลงานที่ดี แต่ถ้ามองในแง่ดีการตกรอบเร็วก็อาจเป็นเรื่องดี เพราะทำให้โปรแกรมการแข่งขันน้อยลง ถึงแม้ว่าจะยังได้แข่ง ยูโรป้าลีก แต่ความเข้มข้นยังไงก็เทียบกันไม่ได้ อินเตอร์ มิลาน สามารถพุ่งสมาธิกับ เซเรีย อา ได้แบบเต็มที่ ผิดกับ ยูเวนตุส, อตาลันต้า และ ลาซิโอ ที่ไปไกลกว่านิดหน่อยในรอบ 16 ทีม แต่ก็เพิ่งเตะจบไปเมื่อวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา ดังนั้นตรงนี้ก็น่าจะนับเป็นข้อได้เปรียบของทีม “งูใหญ่” ได้เช่นกัน